ศูนย์ข่าวศรีราชา - ที่ประชุมหอการค้าไทยชี้ วิกฤตน้ำท่วมใหญ่นอกจากเกิดการแก้ไขปัญหาที่ไม่ถูกจุดแล้ว ยังเกิดจากการคอร์รัปชันครั้งใหญ่ของทุกภาคส่วน จนส่งผลกระทบโดยรวมทั่วประเทศ พร้อมประกาศเจตนารมณ์ต้านคอร์รัปชันทุกรูปแบบ
วันนี้ (10 ธ.ค.) ที่ห้องสุนทรภู่ชั้น 2 โรงแรมสตาร์พลาซ่า นายธวัชชัย เทอดเผ่าไทย ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง ได้เป็นประธานในพิธีเปิดการสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 29 ในฐานะจังหวัดเจ้าภาพ โดยมีนายวิรัตน์ ศิริสกุลงาม ประธานหอการค้าจังหวัดระยอง กล่าวต้อนรับหอการค้าจากทั่วประเทศ
การสัมมนาในครั้งนี้มีประธานกรรมการหอการค้าไทย รองประธานหอการค้าไทย กรรมการเลขาธิการหอการค้าไทย ประธานหอการค้าจังหวัดและกรรมการหอการค้าจากทุกจังหวัดทั่วประเทศเข้าร่วม
ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง ได้กล่าวแนะนำรายละเอียดของจังหวัดต่อผู้เข้าร่วมการสัมมนาว่า จังหววัดระยองมีพื้นที่ 3,552 ตารางกิโลเมตร หรือ 2.2 ล้านไร่ ประชากร 600,000 คน เศรษฐกิจมีความเจริญเติบโตปีละ 10 - 12 % และในปี 2553 มีรายได้ประชากรเฉลี่ย 1,052,575 บาท/คน/ปี ผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัดเท่ากับ 635,096 ล้านบาท จากสาขาการผลิต 3 ด้านคือ 1.ด้านเกษตรกรรม 2.การท่องเที่ยว และ 3.ด้านอุตสาหกรรม ซึ่งมีพื้นที่ประกอบการประมาณ 81,181 ไร่ สวนอุตสาหกรรม 19 แห่งเงินลงทุนรวมนับล้านล้านบาท มีทั้งอุตสาหกรรมต้นน้ำ กลางน้ำและปลายน้ำ ในอนาคตจะมีอุตสาหกรรมเกิดใหม่ไม่น้อยกว่า 4 แห่ง
ทั้งนี้ การจัดสัมมนาหอการค้าไทย ได้มีการหยิบยกปัญหาสำคัญของประเทศ เช่น เรื่องการต่อต้านคอร์รัปชัน ยุทธศาสตร์เศรษฐกิจหลังเกิดมหาอุทกภัยน้ำท่วม เป็นปัญหาใหญ่ที่ต้องการให้รัฐบาลดำเนินการแก้ไข
ขณะที่ จังหวัดระยอง มีความเจริญเติบโตด้านอุตสาหกรรมค่อนข้างสูง และมีกลุ่มอุตสาหกรรมเข้ามาพัฒนาพื้นที่ นิคมอุตสาหกรรม 5 แห่ง และยังมีการขอขยายนิคมอุตสาหกรรมเพิ่มอีก 2 แห่ง
ที่ผ่านมาจังหวัดระยอง ได้อำนวยความสะดวกด้านการลงทุนแก่นักลงทุน ทั้งการปรับปรุงเจ้าหน้าที่ และหน่วยงานราชการของรัฐให้มีความพร้อมรองรับการขยายการลงทุนภาคอุตสากรรม รวมทั้งการกำกับดูแลปัญหาด้านมลพิษ ซึ่งการลงทุนภาคอุตสาหกรรมจะต้องไม่กระทบต่อสิ่งแวดล้อมในพื้นที่อีก
ด้านนายวิรัตน์ ศิริสกุลงาม ประธานหอการค้าจังหวัดระยอง กล่าวว่า การสัมมนาในครั้งนี้เป็นการรวมพลังความคิด กำหนดยุทธศาสตร์พัฒนาประเทศแบบองค์รวม ซึ่งจะก่อให้เกิดผลผลิต คุณประโยชน์ต่อส่วนรวมและขยายผลอย่างมีทิศทาง
หอฯทั่วประเทศประกาศต้านคอร์รัปชันทุกรูปแบบ
นายพงษ์ศักดิ์ อัสสกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่าการจัดสัมมนาในปีนี้ ถือเป็นเวทีแห่งการฝ่าวิกฤติและการแก้ปัญหาอย่างแท้จริง ซึ่งจะมีการระดมความคิดจากนักวิชาการ ภาคธุรกิจทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ให้มีทางออกในการแก้ปัญหาเชิงยุทธศาสตร์ของประเทศ ทั้งในระยะสั้นและระยะยาวอย่างเป็นรูปธรรม วิกฤตน้ำท่วมประเทศที่เกิดขึ้นครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ร้ายแรง ส่งผลกระทบในวงกว้างต่อสังคมและการพัฒนาประเทศในหลายด้าน จนมีการประเมินความเสียหายที่หลักแสนล้านบาท ขณะที่ความเสียหายและผลกระทบที่จะตามมาภายหลังน้ำลดยังอีกมหาศาล
“ภัยพิบัติครั้งนี้คงไม่รุนแรงดังที่เป็นอยู่ หากบ้านเมืองของเราไม่มีการคอร์รัปชันและโกงกิน ดังนั้นภารกิจหลักที่สำคัญสูงสุดของเราคือสานต่อเรื่องการต่อต้านคอร์รัปชัน หอการค้าไทยพร้อมที่จะต่อสู้กับการคอร์รัปชันอย่างถึงที่สุด โดยมีภาคีร่วมอุดมการณ์รวม 32 องค์กรและมีนายประมนต์ สุธีวงศ์ เป็นผู้นำขับเคลื่อน
พันธกิจที่สำคัญคือการลดความเหลื่อมล้ำของสังคม โดยการผลักดันโครงการ 1 ไร่ 1 แสน ซึ่งได้ผลเกินคาดและได้ต่อยอดการดำเนินธุรกิจเป็น Business Model ให้แก่กลุ่มเกษตรกรเพื่อสร้างต้นแบบการพึ่งพาตนเองอย่างยั่งยืน รวมทั้งการศึกษายุทธศาสตร์น้ำ เพื่อเป็นแนวทางในการบริหารจัดการน้ำ ซึ่งมีความสำคัญทั้งในภาคอุตสาหกรรมและภาคเกษตรกรรม อันจะส่งผลสู่การพัฒนาประเทศในระยะยาว และยังเป็นการป้องกันวิกฤติภัยในระยะสั้นต่อไป”
ขณะที่นายพระนาย สุวรรณรัฐ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้กล่าวปาฐกถาแก่ผู้เข้าร่วมสัมมนาในตอนหนึ่งว่า แผนพัฒนาเศรษฐกิจสังคมฉบับที่ 11 ได้กำหนดแนวทางพัฒนาสู่ความยั่งยืน ซึ่งต้องมีการสร้างพื้นฐานความเข้มแข็งตั้งแต่ฐานรากถึงชุมชน ให้มีการดำรงชีวิตที่สอดคล้องกับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แม้จะมีปัญหาอุทกภัยที่ผ่านมา แต่ขอให้มองในเชิงบวกว่า ยิ่งเจอศึกหนัก เราก็ยิ่งเข้มแข็ง
ฉะนั้นก่อนฤดูฝนปี 2555 จะมีการบริหารจัดการน้ำเพื่อไม่ให้เกิดวิกฤตอุทกภัยซ้ำ รวมทั้งมีการวางแผนการลงทุนการบริหารจัดการน้ำในระยะยาวอย่างยั่งยืน ส่วนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานใหม่ การวางแผนการใช้ที่ดิน การบริหารพื้นที่เศรษฐกิจแห่งใหม่ ก็จะต้องดำเนินการอย่างเป็นระบบและจะนำเสนอต่อนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในการประชุมครม.นัดพิเศษ เพื่อพิจารณางบประมาณในการดูแลทั้ง 77 จังหวัด เพื่อจะได้นำเงินงบประมาณไปพัฒนาฟื้นฟูสภาพแวดล้อมของแต่ละจังหวัดต่อไป