ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - จังหวัดฯชงเรื่องขอ ปภ.ขยายวงเงินซื้อผ้าห่มกันหนาวเพิ่มอีก 3 แสนผืน หลังชาวบ้านยังขาดแคลนผ้าห่มอีกกว่า 3.69 แสนผืน และเสื้อกันหนาวอีกกว่า 6 หมื่นตัว ขณะที่หลังประกาศให้ “อมก๋อย-สะเมิง” เป็นพื้นที่ประสบภัยหนาว จังหวัดฯแจกผ้าห่มได้แค่ 4 พันผืน
หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาจังหวัดเชียงใหม่ เป็นจังหวัดเดียวที่ประกาศพื้นที่ประสบภัยหนาวแล้ว 2 อำเภอ คือ อำเภออมก๋อย ประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยหนาวเมื่อวันที่ 10 พ.ย.54 ,อำเภอสะเมิง ได้ประกาศเป็นพื้นที่ภัยหนาวตั้งแต่วันที่ 15 พ.ย.54 และได้ให้การช่วยเหลือได้จัดซื้อผ้าห่มกันหนาว 4,116 ผืน เป็นเงินจำนวน 1,000,000 บาท แจกไปแล้ว 4,000 ผืน
อย่างไรก็ตาม ประชาชนในพื้นที่ประสบภัย ยังมีความต้องการผ้าห่มนวมอีก 369,298 ผืน และเสื้อกันหนาวจำนวน 60,173 ตัว จังหวัดฯจึงได้ดำเนินการขอขยายวงเงินในการจัดซื้อผ้าห่มกันหนาวประมาณ 300,000 ผืน ไปยังกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยต่อไป
ส่วนการช่วยเหลือจากภาคส่วนต่าง ๆ นั้น พบว่า บริษัทไทยเบฟ นำผ้าห่มจำนวน 15,000 ผืน แจกจ่ายให้กับผู้ประสบภัยในอำเภออมก๋อย กัลยาณิวัฒนา สะเมิง แม่วาง และแม่แจ่ม แล้ว และหากมีหน่วยงานใดจะเข้ามาแจกจ่ายฯเพิ่ม จังหวัดเชียงใหม่ขอให้ประสานมายังศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยหนาวจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งตั้งอยู่ที่สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงใหม่ โทร. 053-221470, 053-213872 ตลอด 24 ชั่วโมง
ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ยังได้เปิดเผยถึงเรื่องการชดเชยดูแลผู้ประสบภัยน้ำท่วมตามระเบียบราชการอีกว่า สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดได้ดูแลช่วยเหลืออยู่แล้ว นอกจากนั้น อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (นายวิบูลย์ สงวนพงศ์) ได้ยืนยันการช่วยเหลือ ดังนั้นประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนและได้ลงทะเบียนขอความช่วยเหลือไว้แล้วและอยู่ในหลักเกณฑ์การให้ความช่วยเหลือก็จะได้รับการดูแลอย่างทั่วถึงเช่นกัน
ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้นอกจากปัญหาภัยหนาวแล้ว จังหวัดเชียงใหม่ ยังมีความห่วงใยในเรื่องของปัญหาสุขภาพร่างกายของประชาชนชาวเชียงใหม่ ปัญหาอัคคีภัยอันเนื่องจากอากาศแห้งที่อาจจะเกิดขึ้นกับบ้านเรือนรวมถึงการเผาตอซังข้าว และในช่วงฤดูหนาว ซึ่งเป็นฤดูแห่งการท่องเที่ยว ดังนั้นจึงขอให้ระวังอุบัติเหตุทางถนนอันเกิดจากยานพาหนะหรือปัญหาหมอกหนาที่ต้องขับขี่ด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ รวมถึงขอความร่วมมือประชาชนให้งดเว้นการเผาทุกชนิด เพื่อป้องกันปัญหาหมอกควันซึ่งส่งผลให้เกิดมลพิษและกระทบการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่ด้วย
หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาจังหวัดเชียงใหม่ เป็นจังหวัดเดียวที่ประกาศพื้นที่ประสบภัยหนาวแล้ว 2 อำเภอ คือ อำเภออมก๋อย ประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยหนาวเมื่อวันที่ 10 พ.ย.54 ,อำเภอสะเมิง ได้ประกาศเป็นพื้นที่ภัยหนาวตั้งแต่วันที่ 15 พ.ย.54 และได้ให้การช่วยเหลือได้จัดซื้อผ้าห่มกันหนาว 4,116 ผืน เป็นเงินจำนวน 1,000,000 บาท แจกไปแล้ว 4,000 ผืน
อย่างไรก็ตาม ประชาชนในพื้นที่ประสบภัย ยังมีความต้องการผ้าห่มนวมอีก 369,298 ผืน และเสื้อกันหนาวจำนวน 60,173 ตัว จังหวัดฯจึงได้ดำเนินการขอขยายวงเงินในการจัดซื้อผ้าห่มกันหนาวประมาณ 300,000 ผืน ไปยังกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยต่อไป
ส่วนการช่วยเหลือจากภาคส่วนต่าง ๆ นั้น พบว่า บริษัทไทยเบฟ นำผ้าห่มจำนวน 15,000 ผืน แจกจ่ายให้กับผู้ประสบภัยในอำเภออมก๋อย กัลยาณิวัฒนา สะเมิง แม่วาง และแม่แจ่ม แล้ว และหากมีหน่วยงานใดจะเข้ามาแจกจ่ายฯเพิ่ม จังหวัดเชียงใหม่ขอให้ประสานมายังศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยหนาวจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งตั้งอยู่ที่สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงใหม่ โทร. 053-221470, 053-213872 ตลอด 24 ชั่วโมง
ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ยังได้เปิดเผยถึงเรื่องการชดเชยดูแลผู้ประสบภัยน้ำท่วมตามระเบียบราชการอีกว่า สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดได้ดูแลช่วยเหลืออยู่แล้ว นอกจากนั้น อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (นายวิบูลย์ สงวนพงศ์) ได้ยืนยันการช่วยเหลือ ดังนั้นประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนและได้ลงทะเบียนขอความช่วยเหลือไว้แล้วและอยู่ในหลักเกณฑ์การให้ความช่วยเหลือก็จะได้รับการดูแลอย่างทั่วถึงเช่นกัน
ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้นอกจากปัญหาภัยหนาวแล้ว จังหวัดเชียงใหม่ ยังมีความห่วงใยในเรื่องของปัญหาสุขภาพร่างกายของประชาชนชาวเชียงใหม่ ปัญหาอัคคีภัยอันเนื่องจากอากาศแห้งที่อาจจะเกิดขึ้นกับบ้านเรือนรวมถึงการเผาตอซังข้าว และในช่วงฤดูหนาว ซึ่งเป็นฤดูแห่งการท่องเที่ยว ดังนั้นจึงขอให้ระวังอุบัติเหตุทางถนนอันเกิดจากยานพาหนะหรือปัญหาหมอกหนาที่ต้องขับขี่ด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ รวมถึงขอความร่วมมือประชาชนให้งดเว้นการเผาทุกชนิด เพื่อป้องกันปัญหาหมอกควันซึ่งส่งผลให้เกิดมลพิษและกระทบการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่ด้วย