พะเยา - ประธาน กมธ.กิจการเด็กฯ ยัน “กองทุนฯ สตรี 100 ล้าน” คืบหน้า ล่าสุดร่างระเบียบการเสร็จ 95% แล้ว เชื่อเริ่มได้ต้นปี 55 วางแนวทางคล้ายกองทุนหมู่บ้าน
วันนี้ (30 พ.ย.) น.ส.อรุณี ชำนาญยา ส.ส.พะเยา พรรคเพื่อไทย, ประธานคณะกรรมาธิการกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ และผู้พิการ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวที่จังหวัดพะเยาว่า หลังจากที่ได้นำคณะ กมธ.มาเยี่ยมกลุ่มคณะกรรมการพัฒนาสตรีจังหวัด (กพส.จ.) พะเยา และเครือข่ายแม่ญิงพะเยา ทำให้ทราบความต้องการของผู้นำสตรีที่เรียกร้องค่าตอบแทนในการทำงาน ซึ่งเรื่องนี้รัฐบาลได้ตระหนักมาโดยตลอดและกำลังพยายามหาวิธีการให้กำลังใจผู้นำสตรีเช่นกัน
นอกจากนี้ กพส.จ.พะเยา และเครือข่ายแม่ญิงฯ ได้สอบถามถึงความคืบหน้าเรื่องนโยบายกองทุนพัฒนาสตรี 100 ล้านบาท ซึ่งเป็นนโยบายของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย (พท.) ที่หาเสียงไว้ด้วย
ประธาน กมธ.กล่าวอีกว่า จากเดิมหากไม่มีวิกฤตน้ำท่วมครั้งใหญ่การเดินหน้านโยบายกองทุนฯ จะเริ่มต้นได้แล้ว แต่เนื่องจากปัญหาวิกฤติน้ำท่วม คาดว่าจะเริ่มต้นได้ปี 2555 โดยการดำเนินนโยบายกองทุนฯ จะอยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ล่าสุดทราบว่าร่างระเบียบที่จะมีผลในทางปฏิบัติของกองทุนฯ สำเร็จประมาณร้อยละ 95 ซึ่งคงจะคล้ายคลึงกับระเบียบของกองทุนหมู่บ้าน (กทบ.) เพราะรัฐบาลต้องการให้กองทุนฯ มีความยั่งยืน ไม่สูญหาย
“หากไม่มีการแก้ไขเมื่อผ่านเป็นกฎหมายแล้ว มีระเบียบรองรับการบริหารจัดการกองทุน ฯ ก็จะสามารถดำเนินการได้ทันทีตามขั้นตอน”
ด้าน น.ส.ราณี วงศ์ประจวบลาภ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด (พมจ.) พะเยา กล่าวว่า ในโครงสร้างของกองทุนฯ จะต้องมีการตั้งคณะกรรมการตั้งแต่ระดับหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ และจังหวัด ภายใต้การกำกับของคณะกรรมการระดับประเทศ
ทั้งนี้ จังหวัดพะเยาถือเป็นจังหวัดแรกที่มีการตื่นตัวและเตรียมพร้อมที่จะเดินหน้ารองรับนโยบายดังกล่าว ขณะนี้ทั้ง กพส.จ.จะต้องมีการวางตัวบุคคลให้เป็นสมาชิกกองทุนฯ ในโครงสร้างตั้งแต่หมู่บ้านถึงจังหวัด เพื่อรองรับการทำงานและงบประมาณที่จะได้รับในอนาคตด้วย
นอกจากนี้ ยังมีองค์กรสตรีที่เป็นองค์กรสาธารณประโยชน์สามารถเข้าถึงกองทุนฯ ได้ด้วย เพื่อให้นำเงินกองทุนฯ ทำงานเพื่อสังคมได้ต่อไป
วันนี้ (30 พ.ย.) น.ส.อรุณี ชำนาญยา ส.ส.พะเยา พรรคเพื่อไทย, ประธานคณะกรรมาธิการกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ และผู้พิการ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวที่จังหวัดพะเยาว่า หลังจากที่ได้นำคณะ กมธ.มาเยี่ยมกลุ่มคณะกรรมการพัฒนาสตรีจังหวัด (กพส.จ.) พะเยา และเครือข่ายแม่ญิงพะเยา ทำให้ทราบความต้องการของผู้นำสตรีที่เรียกร้องค่าตอบแทนในการทำงาน ซึ่งเรื่องนี้รัฐบาลได้ตระหนักมาโดยตลอดและกำลังพยายามหาวิธีการให้กำลังใจผู้นำสตรีเช่นกัน
นอกจากนี้ กพส.จ.พะเยา และเครือข่ายแม่ญิงฯ ได้สอบถามถึงความคืบหน้าเรื่องนโยบายกองทุนพัฒนาสตรี 100 ล้านบาท ซึ่งเป็นนโยบายของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย (พท.) ที่หาเสียงไว้ด้วย
ประธาน กมธ.กล่าวอีกว่า จากเดิมหากไม่มีวิกฤตน้ำท่วมครั้งใหญ่การเดินหน้านโยบายกองทุนฯ จะเริ่มต้นได้แล้ว แต่เนื่องจากปัญหาวิกฤติน้ำท่วม คาดว่าจะเริ่มต้นได้ปี 2555 โดยการดำเนินนโยบายกองทุนฯ จะอยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ล่าสุดทราบว่าร่างระเบียบที่จะมีผลในทางปฏิบัติของกองทุนฯ สำเร็จประมาณร้อยละ 95 ซึ่งคงจะคล้ายคลึงกับระเบียบของกองทุนหมู่บ้าน (กทบ.) เพราะรัฐบาลต้องการให้กองทุนฯ มีความยั่งยืน ไม่สูญหาย
“หากไม่มีการแก้ไขเมื่อผ่านเป็นกฎหมายแล้ว มีระเบียบรองรับการบริหารจัดการกองทุน ฯ ก็จะสามารถดำเนินการได้ทันทีตามขั้นตอน”
ด้าน น.ส.ราณี วงศ์ประจวบลาภ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด (พมจ.) พะเยา กล่าวว่า ในโครงสร้างของกองทุนฯ จะต้องมีการตั้งคณะกรรมการตั้งแต่ระดับหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ และจังหวัด ภายใต้การกำกับของคณะกรรมการระดับประเทศ
ทั้งนี้ จังหวัดพะเยาถือเป็นจังหวัดแรกที่มีการตื่นตัวและเตรียมพร้อมที่จะเดินหน้ารองรับนโยบายดังกล่าว ขณะนี้ทั้ง กพส.จ.จะต้องมีการวางตัวบุคคลให้เป็นสมาชิกกองทุนฯ ในโครงสร้างตั้งแต่หมู่บ้านถึงจังหวัด เพื่อรองรับการทำงานและงบประมาณที่จะได้รับในอนาคตด้วย
นอกจากนี้ ยังมีองค์กรสตรีที่เป็นองค์กรสาธารณประโยชน์สามารถเข้าถึงกองทุนฯ ได้ด้วย เพื่อให้นำเงินกองทุนฯ ทำงานเพื่อสังคมได้ต่อไป
