พ่อค้า-แม่ค้าชานชาลารถไฟแปดริ้วก่อหวอดหลัง บ.เอกชนจัดเก็บค่าพื้นที่โหด

ฉะเชิงเทรา- พ่อค้า-แม่ค้า-รถโดยสาร ชานชาลารถไฟสถานีชุมทางฉะเชิงเทรา เตรียมรวมตัวต่อต้านคัดค้าน หลังบริษัทเอกชน ได้รับสัมปทานบริหารจัดการพื้นที่ พร้อมเรียกเก็บค่าเช่ามหาโหด สร้างความเดือดร้อนอย่างมาก

วันนี้ (29 พ.ย.) ที่สถานีชุมทางรถไฟฉะเชิงเทรา กลุ่มแม่ค้า พ่อค้า แผงขายภายในสถานีชุมทางรถไฟฉะเชิงเทรา พร้อมกลุ่มคิวรถสามล้อรับจ้างหน้าชานชาลา ได้รวมตัวกันจับกลุ่มชูแผ่นป้าย เตรียมฮือต่อต้านนายสถานีรถไฟชุมทางรถไฟฉะเชิงเทราคนใหม่ ที่ปล่อยให้บริษัทเอกชนแห่งหนึ่งเช่าพื้นที่ที่ชาวบ้านเคยทำการค้าขายภายในเขตสถานี เพื่อนำไปบริหารจัดการในเชิงธุรกิจต่อไป และเรียกเก็บค่าเช่าที่แพงสูงลิ่ว พร้อมติดป้ายประกาศไล่ที่ ผู้ค้ารายเก่าๆ ไว้ด้วย ทั้งที่ชาวบ้านได้ทำการค้าขายมาอย่างยาวนานหลายสิบปี

นายโสภณ ใจบรรจง อายุ 56 ปี อยู่บ้านเลขที่ 434 ม.10 ต.วังตะเคียน อ.เมืองฉะเชิงเทรา พ่อค้าขายน้ำดื่มภายในสถานี กล่าวว่า เมื่อไม่กี่วันมานี้ ได้มีบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง (บริษัท แอ๊ดวานซ์มาร์เก็ตติ้ง เซอร์วิท จำกัด) ได้เข้ามาทำการปิดป้ายประกาศไล่ที่ภายในแผงค้าขายของสถานี และมีกำหนดให้ขนย้ายสิ่งของออกไปจากสถานีภายในวันที่ 1 ธ.ค.54 นี้ โดยอ้างว่าได้รับสิทธิตามสัญญาเช่าช่วงต่อมาจากการรถไฟแห่งประเทศไทยตามสัญญาเลขที่ จ./ทด./4/466/2554 ลงวันที่ 4 พ.ย.54 เพื่อที่จะทำการจัดสรรพื้นที่การทำการค้าภายในสถานีใหม่

”พวกตนเห็นว่า ไม่เป็นธรรมต่อผู้ค้าขายรายเดิมที่ได้ใช้พื้นที่ทำการค้าขายมาอย่างยาวนาน ตั้งแต่คนรุ่นก่อนโดยแต่ละรายนั้น ได้อาศัยพื้นที่บริเวณสถานีประกอบอาชีพมาไม่ต่ำกว่า 10 ปี และบางรายอยู่มานานกว่า 30 ปีแล้ว หลังถูกประกาศไล่ จึงเข้าสอบถามข้อเท็จจริงจาก นายกิตติ ภามัง นายสถานีรถไฟคนปัจจุบัน ที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งมาใหม่เพียงไม่กี่เดือน ถึงเรื่องดังกล่าว แต่ปรากฏว่า นายสถานีคนปัจจุบันกลับตอบว่าไม่รู้เรื่อง เพราะเป็นนโยบายของการรถไฟแห่งประเทศไทย ที่บริษัทดังกล่าวทำสัญญาที่กรุงเทพฯ ส่วนตนเป็นแค่ผู้ดูแลความเรียบร้อย และการให้บริการภายในสถานีเท่านั้น” นายโสภณ กล่าว

นายโสภณ กล่าวว่า จากการสอบถามจากเจ้าหน้าที่หลายฝ่าย ทราบว่า บริษัทผู้เช่ารายนี้ได้เสนอผลประโยชน์ตอบแทนให้แก่ทางการรถไฟเป็นเงินแค่เพียง 8,150 บาท ต่อเดือนเท่านั้นในการที่จะเข้าควบคุมการบริหารพื้นที่ และเรียกเก็บค่าบริการต่างๆภายในสถานีในราคาที่สูงขึ้น เพื่อสร้างผลกำไรเป็นรายได้อย่างมหาศาล เช่นค่าเช่าแผงค้าขายขนาด 1 ล็อกของช่วงเสา ราคาแผงละ 500 บาท ต่อวันจากเดิม 250 บาทต่อวัน แผงเล็กล็อกละ 200 บาทต่อวันจากเดิม 50 บาท ส่วนพ่อค้าเดินเร่จะเรียกเก็บแบบเหมารวมรายละ 60 บาท จากเดิม 30บาทต่อวัน ทั้งที่การเดินเร่ค้าขายภายในสถานีมีรายได้แค่พอเลี้ยงตนเองได้ไปวันๆ เท่านั้น หรือเพียงแค่วันละร้อยกว่าบาท

ที่ผ่านมา ทางสถานีรถไฟเรียกเก็บผลประโยชน์จากพ่อค้าแม่ค้าและค่าจอดรถสำหรับผู้ที่เดินทางไปทำงานโดยรถไฟ และต้องจอดรถทิ้งไว้ที่สถานีก่อนไปทำงานนั้น ทางสถานี มีรายได้ ถึงวันละ 4-5 พันบาท หรือเดือนละประมาณ 150,000 บาท ซึ่งขณะนี้กลุ่มผู้ค้าทั้งหมดจะยังไม่ยอมย้ายออกไปไหนและจะขออยู่เพื่อต่อสู้ต่อไป

ด้าน นายสมบูรณ์ ทองงาม อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 5/151 ม.5 ต.วังตะเคียน ผู้ขับขี่รถสามล้อรับจ้างที่มาจอดคอยรับผู้โดยสารบริเวณด้านหน้าสถานี กล่าวว่า หลังจากทางสถานีได้ให้บริษัทเอกชนเข้ามาทำการบริหารพื้นที่ภายในสถานี บริษัทดังกล่าวได้เตรียมที่จะเรียกเก็บค่าจอดรถรอผู้โดยสารในราคาเหมาถึงวันละ 60 บาทต่อคัน รถยนต์วันละ 120 บาทจากเดิมไม่ได้เสียค่าใช้จ่าย เพราะถือเป็นการให้บริการประชาชนและการขับรถสามล้อรับจ้างนี้ ตนเองก็มีรายได้แค่เพียงวันละ 100 กว่าบาท สูงสุดไม่เกิน 250 บาทเท่านั้น โดยยังไม่ได้หักค่าใช้จ่ายทั้งค่าบำรุงรักษารถ ค่าสึกหรอ และค่าแก๊สเชื้อเพลิง ลูกเมียก็แทบจะไม่ได้กินกันอยู่แล้ว จึงเป็นการขูดรีดกันจนเกินไป

ดร.บุญเลิศ ไพรินทร์ ส.ส.เขต 1 จ.ฉะเชิงเทรา พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวหลังได้รับหนังสือร้องเรียนจากชาวบ้านว่าจะได้นำหนังสือข้อร้องเรียนของชาวบ้าน พ่อค้า-แม่ค้า

ผู้ประกอบการหาเช้ากินค่ำในพื้นที่รถไฟเข้าไปยื่นต่อผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย ในวันศุกร์นี้ (2 ธ.ค.) ซึ่งเบื้องต้นได้ทำการประสานงาน และนัดหมายไว้แล้ว ที่สถานีรถไฟหัวลำโพงในเวลา 08.00 น.