กาฬสินธุ์-พุทธศาสนิกชนกว่า 3,000 คน ร่วมพิธีเคลื่อนศพ พระธรรมวงศาจารย์ อดีตเจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ และยังเป็นเกจิชื่อดังเมืองน้ำดำขึ้นสู่เมรุพิเศษ ก่อนงานพระราชทานเพลิงศพในวันที่ 27 พ.ย.นี้
เมื่อวันที่ 25 พ.ย. 2554 เวลา 14.00 น. ที่วัดกลาง (พระอารามหลวง) เขตเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ พระเทพวงศาจารย์ ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 9 พระเทพปัญญาเมธี เจ้าอาวาสวัดกลาง (พระอารามหลวง) และเจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ ประธานฝ่ายสงฆ์ นายทรงพล จำปาพันธุ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ เป็นประธานฝ่ายฆาราวาส
พร้อมด้วยนายบุญจันทร์ กายาผาด น้องชายคนสุดท้อง และนายสำนัก กายาผาด ในฐานะคณะญาติ ได้นำพุทธศาสนิกชนกว่า 3,000 คนร่วมประกอบพิธีเคลื่อนศพพระธรรมวงศาจารย์ หรือหลวงปู่สุข เกจิชื่อดังและเป็นที่เคารพศรัทธาของประชาชนเมืองกาฬสินธุ์ ขึ้นสู่เมรุพิเศษที่บริเวณวัดกลาง (พระอารามหลวง) เขตเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์
ทั้งนี้ พุทธศาสนิกชนและศิษยานุศิษย์ ได้ร่วมกันบวชชีพราหมณ์นุ่งขาวห่มขาวเข้าร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียง
พิธีเริ่มตั้งแต่พระสงฆ์สมณศักดิ์ 373 รูป สวดมาติกาบังสุกุล เจ้าหน้าที่ประพิธีลาดภูษาโยง จากนั้นประธานสงฆ์นำพุทธศาสนิกชนคาราวะศพ ก่อนจะนำสรีระสังขารพระธรรมวงศาจารย์ เวียนรอบอุโบสถ 3 รอบ และนำขึ้นไปตั้งบำเพ็ญกุศลบนเมรุพิเศษ จากนั้นจะได้อัญเชิญโกศโถฉัตรเบญจา ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าพระราชทานตั้งประดับ บำเพ็ญกุศล
ทั้งนี้ได้มีพุทธศาสนิกชนกว่า 3,000 คน ซึ่งมีทั้งชาวกาฬสินธุ์ในฐานะที่เป็นศิษยานุศิษย์ร่วมปฏิบัติธรรมถวายกุศลจนถึงวันพระราชทานเพลิงศพในวันที่ 27 พ.ย. นี้
พิธีพระราชทานเพลิงศพ พระธรรมวงศาจารย์ (สุข สุขณมหาเถร) จะมีพิธีสวดอภิธรรมในเวลา 19.00 น.ตั้งแต่วันที่ 25 พ.ย. 2554 และจะมีพิธีพระราชทานเพลิงศพในวันที่ 27 พ.ย. 2554 โดยมี พระพรหมโมลี เจ้าคณะใหญ่หนกลา กรรมการมหาเถรสมาคม ประธานฝ่ายสงฆ์ พระธรรมวิมลโมลี เจ้าคณะภาค 17 วัดชลประทานรังสฤษณ์ แสดงพระธรรมเทศนา และมี นางบุญรื่น ศรีธเรศ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานฝ่ายฆารวาส
เจ้าประคุณสมเด็จพระมหารัชชมังคลาจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนเหนือ กรรมการมหาเถรสมาคมปฏิบัติหน้าที่แทนประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เป็นประธานทอดผ้าไตรจากเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ ประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช
สำหรับพระธรรมวงศาจารย์ หรือ หลวงปู่สุข มีนามเดิมว่า สุข กายาผาด เป็นชาวจ.กาฬสินธุ์ เกิดเมื่อวันที่6 พ.ย. 2457 ที่นอกเหนือจากเป็นพระภิกษุสงฆ์ที่ประชาชนให้ความเคารพและศรัทธาแล้วยังเป็นครูอาจารย์มีบรรดาศิษยานุศิษย์จำนวนมากในหลายวงการโดยเฉพาะในลูกศิษย์ในสายบาลี - สันสกฤต และภาษาลาวดั้งเดิมหรือภาษาลาวน้อยเนื่องจากเป็นผู้ที่มีความรู้เป็นอย่างมากในเรื่องของภาษา สามารถอ่านและเขียน ภาษาบาลี - สันสกฤต ภาษาขอมและภาษาลาวเดิมได้อย่างชำนาญ
นอกจากนี้ ยังเป็นพระภิกษุสงฆ์ที่ถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด และยังมีผลงานเป็นงานแต่งหนังสือจำนวนมาก รวมถึงการพัฒนาวัดต่าง ๆ ให้สวยงามและร่มเย็น
พระธรรมวงศาจารย์ ยังได้รับทุนการศึกษาปริยัติธรรมจากมูลนิธิหลวงพ่อวัดปากน้ำภาษีเจริญ ได้รับเลือกจากรมศิลปากรให้เป็นพระอนุรักษ์มรดกไทยดีเด่น โดยได้รับพระราชทานเข็มและโล่เกียรติยศ ในปี 2534 และในปี 2535 ได้รับเลือกจากกรมศาสนา กระทรวงศึกษาธิการ เป็นผู้ส่งเสริมและอนุรักษ์วัฒนธรรมมรดกไทยทางพระพุทธศาสนา
นอกจากนี้ ยังได้ก่อตั้งพิพิธภัณฑ์ของเก่าที่วัดกลางพระอารามหลวงเป็นการรวบรวมสิ่งของสะสมตลอดทั้งชีวิตไว้เพื่อเป็นความรู้แก่ลูกหลาน และเมื่ออายุได้ 84 พรรษา พระธรรมวงศาจารย์ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงรับไว้เป็นผู้ป่วยในพระบรมราชานุเคราะห์ ซึ่งได้รับการดูแลเอาใจใส่จากคณะแพทย์โรงพยาบาลกาฬสินธุ์มาด้วยดีตลอด
กระทั่งเมื่อวันที่ 3 ก.พ. 2554 ได้ละสังขารโดยสงบ สิริรวมอายุได้ 97 ปี 77 พรรษา ซึ่งการละสังขารของพระธรรมวงศาจารย์นั้นเป็นที่วิพากษ์วิจารย์เป็นอย่างมากเนื่องจากละสังขารหลังจากหลวงตามหาบัวเพียง 1 สัปดาห์อีกทั้งยังมีพรรษาหรือครองสมณเพศเท่ากันคือ 77 พรรษา
