เชียงราย - รัฐบาลใหม่พม่าเจรจาสงบศึกไทใหญ่ภายใต้การนำของ “เจ้ายอดศึก” วางโรดแมปนำร่องหยุดยิงกลุ่มอื่นต่อ
หลังการเลือกตั้งใหญ่ และพม่ามีรัฐบาลใหม่ ซึ่งมี นายเต็งเส่ง (อดีตนายพลอาวุโสของกองทัพพม่า) ดำรงตำแหน่งเป็นประธานาธิบดี ทำให้บรรยากาศทางการเมืองในพม่าดีขึ้นเป็นลำดับนั้น ขณะนี้เริ่มส่งผลทำให้สถานการณ์ชายแดนไทย-พม่า ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วย โดยพม่าได้ยกเลิกการเสียภาษีสินค้าขาเข้าจากไทย 15 รายการ และล่าสุด มีกระแสเรื่องการเจรจากับชนกลุ่มน้อยที่ยังคงตั้งฐานต่อสู้กับรัฐบาลพม่าตามแนวชายแดนด้าน จ.เชียงราย ด้วย หลังจากตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมารัฐบาลทหารพม่าในอดีต มักจะเข้ากวาดล้างชนกลุ่มน้อย จนทำให้เกิดการต่อสู้กับตามแนวชายแดนโดยเฉพาะกับกองกำลังกู้ชาติไทยใหญ่ หรือเอสเอสเอ กลุ่มของ พล.ท.เจ้ายอดศึก ซึ่งยังคงตั้งฐานเรียงรายใกล้แนวชายแดนไทย-พม่า ด้าน อ.แม่ฟ้าหลวง หลายฐาน เช่น ฐานก่อวัน ก่อเมือง ก่อฟ้า ก่อฮอม ฯลฯ
ซึ่งก่อนหน้านี้ ทหารพม่าก็มักจะนำกำลังร่วมกับชนกลุ่มน้อยอื่นๆ ที่เป็นพันธมิตรเข้ากวาดล้างกลุ่มเอสเอสเอ หรือตั้งฐานประจันหน้ากัน และช่วงฤดูแล้งหรือหนาวก็จะมีความพยายามเข้าโจมตีเป็นประจำ
ล่าสุด มีรายงานว่า ไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ ได้มีการเจรจากันระหว่างตัวแทนของรัฐบาลใหม่ของพม่ากับบุคคลระดับแกนนำของกลุ่มเอสเอสเอ.ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง บริเวณสนามบิน อ.เมือง จ.เชียงราย โดยฝ่ายรัฐบาลใหม่ของพม่าได้ส่งคนระดับนายอู อ่องมิ้น รัฐมนตรีขนส่งการรถไฟ และคณะอีกหลายคนไปเป็นตัวแทนในการเจรจา ขณะที่กลุ่มเอสเอสเอ.มี พล.ท.เจ้ายอดศึก นำคณะเดินทางไปเจรจาด้วยตัวเอง
โดยมีเนื้อหาของการเจรจาให้ทั้งสองฝ่ายยุติการใช้อาวุธเข้าต่อสู้กัน ซึ่งเป็นประเด็นที่ฝ่ายพม่ายื่นข้อเสนอเอง แตกต่างจากในอดีตที่จะไม่ยอมเจรจาใดๆ โดยอ้างความมั่นคงของรัฐ รวมทั้งให้มีการตั้งคณะกรรมการประสานงาน และเปิดเป็นสำนักงานเพื่อให้ทั้งสองฝ่ายประสานกันอย่างเป็นรูปธรรม ส่วนในพื้นที่ที่มีการประจันหน้ากันอยู่ก็อนุญาตให้กองกำลังที่ไม่ติดอาวุธของอีกฝ่ายสามารถเดินทางผ่านพื้นที่ของอีกฝ่ายหนึ่งได้ กรณีต้องการเดินทางผ่าน และขั้นตอนสุดท้ายเมื่อประสานงานจนร่างรายละเอียดแล้วเสร็จ ให้มีการกำหนดวันและเวลาเพื่อการเจรจาปรองดองอย่างเป็นทางการกับรัฐบาลพม่า ณ กรุงเนปีดอ เมืองหลวงของประเทศพม่าต่อไป
ขณะที่ พล.ท.เจ้ายอดศึก และคณะนั้นนอกจากจะเสนอให้มีการหยุดยิง และยุติสงครามแล้ว ยังขอให้ทางการพม่าได้เจรจาในลักษณะเดียวกันนี้กับชนกลุ่มน้อยอื่นๆ ทุกกลุ่มโดยใช้การเมืองนำการทหารเพื่อยุติการใช้ความรุนแรง จากนั้นให้มีการจัดตั้งเป็นเขตปกครองเพื่อการพัฒนาของแต่ละกลุ่ม และร่วมกันแก้ไขปัญหายาเสพติดด้วย
ซึ่งมีรายงานว่า บรรยากาศในการเจรจาเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย โดยทั้งสองฝ่ายต่างยอมรับข้อเสนอของกันและกัน จนถึงขั้นมีการลงชื่อในข้อตกลงร่วมกัน โดยข้อตกลงระบุให้มีการเจรจาครั้งต่อไปที่กรุงเนปีดอว์ และหากประสบความสำเร็จก็จะจัดประชุมใหญ่ครั้งที่ 3 กับตัวแทนชนกลุ่มน้อยกลุ่มอื่นๆ ต่อไปด้วย