ฉะเชิงเทรา - เมืองแปดริ้วเนื้อหอม หลังน้ำไม่ท่วม ทำนักลงทุนเล็งแห่ย้ายฐานที่มั่นการผลิตในภาคอุตสาหกรรมเข้าพื้นที่ ชี้ ความเสี่ยงน้อย พร้อมแนะให้ภาครัฐเร่งสร้างความเชื่อมั่นในการบริหารจัดการพื้นที่น้ำท่วม เผย ต่างชาติยังไม่ถอย คาด ภาคอุตฯในพื้นที่โตต่อเนื่อง
วันนี้ (22 พ.ย.) น.ส.อรพินท์ เสริมประภาศิลป์ ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดฉะเชิงเทรา กล่าวถึงกรณีโรงงานอุตสาหกรรมในย่านลุ่มน้ำภาคกลางส่วนใหญ่ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำท่วมครั้งใหญ่ของประเทศไทย อยู่ในขณะนี้ ว่า สำหรับภาคอุตสาหกรรมในเขตจังหวัดฉะเชิงเทรานั้น ไม่ได้รับผลกระทบหรือกระทบน้อยมาก เนื่องจากพื้นที่ส่วนใหญ่ของจังหวัดที่เป็นพื้นที่ของการประกอบกิจการด้านโรงงานอุตสาหกรรมนั้น ไม่ถูกน้ำท่วม จึงไม่ได้รับผลกระทบโดยตรง แต่จะมีปัญหาในด้านการผลิตที่เกี่ยวเนื่องกันของบางอุตสาหกรรมที่ต้องใช้ชิ้นส่วนในการผลิตบางอย่างจากโรงงานที่อยู่ในพื้นที่ถูกน้ำท่วม บ้างเท่านั้น
ขณะนี้จึงมั่นใจว่า ภาคอุตสาหกรรม และโรงงานที่ตั้งอยู่ในพื้นที่จะไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำท่วมใหญ่ในครั้งนี้ ส่วนด้านการลงทุนนั้นจากปัญหาน้ำท่วมที่เกิดขึ้นกลับส่งผลดีต่อการเติบโตของภาคอุตสาหกรรมในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา เป็นอย่างมาก หลังจากโรงงานอุตสาหกรรมหลายแห่งที่ถูกน้ำท่วมในภาคกลาง มีการเตรียมแผนระยะยาวที่จะย้ายฐานการผลิต หรือที่ตั้งโรงงานอุตสาหกรรมเข้ามาในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา ที่ไม่ถูกน้ำท่วม รวมทั้งกลุ่มจังหวัดในภาคตะวันออกอีกหลายจังหวัดมากขึ้นด้วย
น.ส.อรพินท์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ นักลงทุนจากต่างชาติรายใหม่ๆ ที่กำลังตัดสินใจลงทุนก็สามารถตัดสินใจในการเลือกที่ตั้งโรงงานอุตสาหกรรมได้ง่ายขึ้น และให้ความสนใจที่จะเข้ามาลงทุนยังในเขต จ.ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และ ระยอง ซึ่งไม่ถูกน้ำท่วมเป็นพิเศษ จึงส่งผลทำให้ภาคอุตสาหกรรมของจังหวัด มีแนวโน้มการเติบโตสูงขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย ปกติแล้ว ที่ จ.ฉะเชิงเทรา นั้น ภาคอุตสาหกรรมจะเติบโตอย่างต่อเนื่องมากอยู่แล้ว ถึงปีละ 10 เปอร์เซ็นต์ และจากผลกระทบเกิดภาวะน้ำท่วมใหญ่ในกลุ่มจังหวัดภาคกลางนั้น ยิ่งจะทำให้การเจริญเติบโตในภาคอุตสาหกรรมของจังหวัดฉะเชิงเทรายิ่งเติบโตมากกว่าเดิมอีกหลายเท่าตัวด้วย
น.ส.อรพินท์ กล่าวว่า สำหรับพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา ปัจจุบันมีโรงงานอุตสาหกรรมอยู่ในพื้นที่แล้วกว่า 2,100 โรงงาน ในอนาคตอันใกล้นี้จึงคาดว่าจะมีโรงงานอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นมากอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกัน อยากจะฝากไปถึงทางรัฐบาล ว่า ขอให้เร่งสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนต่างชาติที่ขณะนี้ยังไม่ถอย มองเห็นว่าปัญหาที่เกิดขึ้นนั้น รัฐบาลสามารถบริหารจัดการแก้ไขปัญหาได้ เนื่องจากประเทศไทยนั้นยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่เป็นจุดแข็งช่วยยึดเหนี่ยวนักลงทุนไว้ได้ คือ อัธยาศัยไมตรีของคนไทย ที่มีน้ำใจเอื้อเฟื้อ ที่อาจหาที่อื่นได้ยาก
ขณะเดียวกัน หากรัฐบาลยังไม่เร่งกอบกู้สร้างความเชื่อมั่นให้กลับคืนมาโดยเร็ว ก็อาจจะเสียเปรียบต่อประเทศเพื่อนบ้าน อย่างเช่น ประเทศอินโดนีเซีย ที่การเมืองนิ่งกว่าเรามาก มาอย่างยาวนานแล้วถึงกว่า 7-8 ปี จะเป็นสิ่งหนึ่งที่จะดูดนักลงทุนไปจากประเทศไทยได้