ศรีสะเกษ - กลุ่มองค์กรภาคเอกชนศรีสะเกษ โวยลั่น เรียกร้องให้รัฐบาลเลิกใช้ จ.ศรีสะเกษ เป็นเมือง “ฝึกผู้ว่าฯ และลาเกษียณ” ส่งผลให้การพัฒนา จ.ศรีสะเกษ ล้มลุกคลุกคลานจนถึงปัจจุบันและยังเป็นจังหวัดยากจนลำดับท้ายๆ ของประเทศไทย ประธาน “คปศ.” เผยระยะเวลา 10 ปี มีผู้ว่าฯ 11 คน โดยเฉพาะปี 2553 ปีเดียว จ.ศรีสะเกษ ใช้ผู้ว่าฯ เปลืองถึง 3 คน
วันนี้ (20 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการที่ คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติโยกย้ายผู้ว่าราชการจังหวัดหลายจังหวัดทั่วประเทศ เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา และปรากฏว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ได้รับคำสั่งให้ย้ายไปดำรงตำแหน่ง ผู้ว่าฯ กาฬสินธุ์ ทั้งที่เพิ่งย้ายมาดำรงตำแหน่งที่ จ.ศรีสะเกษ ได้ไม่ถึง 1 ปี ทำให้บรรดาองค์กรภาคเอกชนของ จ.ศรีสะเกษ ได้มีการออกมาเคลื่อนไหว เนื่องจากเห็นว่า ศรีสะเกษ เป็นจังหวัดที่มีการโยกย้าย ผู้ว่าราชการจังหวัดบ่อยมากที่สุดจังหวัดหนึ่งของประเทศไทย
ล่าสุด ได้ร่วมกันออกจดหมายเปิดผนึก เรื่อง “การมีส่วนร่วมในการพัฒนาท้องถิ่นของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ” ร่วมลงนามโดย ประธานคณะกรรมการประสานงานเพื่อพัฒนาจังหวัดศรีสะเกษ (คปศ.), ประธานสภาคณาจารย์มหาวิชชาลัยธรรมชาติ, กรรมการหอการค้าไทย, ประธานชมรมวิทยุชุมชนจังหวัดศรีสะเกษ และ ประธานเครือข่ายผู้หญิงจังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งจะส่งหนังสือแสดงข้อคิดเห็นดังกล่าวถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ผ่าน ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ
นายทิวา รุ้งแก้ว ประธานคณะกรรมการประสานงานเพื่อพัฒนาจังหวัดศรีสะเกษ (คปศ.) กล่าวว่า ปัญหาการดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ในอดีตถึงปัจจุบันมีการแต่งตั้งโยกย้ายบ่อยมากเป็นพิเศษ ส่วนใหญ่อยู่ไม่ครบ 4 ปี จะเห็นได้จากปี พ.ศ.2543-2554 ระยะเวลา 10 ปี จ.ศรีสะเกษ มี ผู้ว่าฯ 11 คน โดยเฉพาะอย่างยิ่งปี 2553 จ.ศรีสะเกษ มีผู้ว่าฯ ถึง 3 คน จนมีชาวบ้านวิจารณ์กันว่า “จังหวัดศรีสะเกษเป็นเมืองฝึกผู้ว่าฯ และลาเกษียณ” หมายถึงว่า มาอยู่ไม่ถึงปีก็ย้าย หรือมาอยู่เพื่อรอปลดเกษียณอายุราชการ
ส่งผลให้การพัฒนา จ.ศรีสะเกษ ล้มลุกคลุกคลานมาจนถึงปัจจุบัน และยังเป็นจังหวัดยากจนลำดับท้ายๆ ของประเทศไทยอีกด้วย และ จ.ศรีสะเกษ จะยังคงเป็นเช่นนี้ตลอดไป หากรัฐบาล หรือว่าราชการส่วนกลางไม่รับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่ในการแต่งตั้ง ผู้ว่าฯ ศรีสะเกษในอนาคต ซึ่งกลุ่มองค์กรภาคเอกชนของพวกตนจะยื่นหนังสือข้อเรียกร้องไปยังรัฐบาลและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยผ่าน ผู้ว่าฯศรีสะเกษ ในวันที่ 25 พ.ย.นี้ เพื่อขอให้รัฐบาล คณะรัฐมนตรี (ครม.) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พิจารณาแต่งตั้งบุคคลที่จะไปดำรงตำแหน่ง ผู้ว่าฯศรีสะเกษ ให้อยู่ครบวาระ 4 ปี ในอนาคตตามความต้องการของประชาชนชาวศรีสะเกษ
นายมหาหิงค์ ไพรสิน ประธานชมรมวิทยุชุมชนจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า จ.ศรีสะเกษ มีทรัพยากรที่ไม่แตกต่างไปจากจังหวัดอื่นในประเทศไทย และมีจุดเด่นที่ผลิตผลทางเกษตรกรรม เช่น หอมแดง กระเทียม ข้าวหอมมะลิ เงาะ ทุเรียน รวมทั้งผลไม้ต่าง ๆ จำนวนมาก ทำให้ ผู้ว่าฯศรีสะเกษ แต่ละคนที่ย้ายเข้ามาดำรงตำแหน่งที่ จ.ศรีสะเกษ มีแนวคิดและนโยบายในการพัฒนา จ.ศรีสะเกษ เพื่อให้เกิดความเจริญแตกต่างกันไป แต่ว่าพอ ผู้ว่าฯ ศรีสะเกษมาอยู่เพียงไม่ถึงปี ก็ได้รับคำสั่งให้ย้ายไปอยู่จังหวัดอื่น ทำให้การทำงานพัฒนา จ.ศรีสะเกษ ไม่ต่อเนื่อง
“ดังนั้น พวกเราจึงเห็นว่า ต่อไปในอนาคต ควรจะมีการแต่งตั้ง ผู้ว่าฯ ศรีสะเกษ ให้ดำรงตำแหน่งที่ จ.ศรีสะเกษ อย่างน้อย 3 -4 ปี เพราะหากมีการเปลี่ยนผู้ว่าราชการจังหวัดบ่อย นโยบายเก่าที่ ผู้ว่าฯ คนเดิมทำเอาไว้ ผู้ว่าฯคนใหม่ก็ไม่อยากทำต่อไปอีก ทำให้การพัฒนา จ.ศรีสะเกษไม่ต่อเนื่อง” นายมหาหิงค์ กล่าว