ศูนย์ข่าวศรีราชา - ชาวนาแปดริ้วเร่งรีบลุยไถหว่านทำนาแล้ว หลังน้ำลดระดับลงได้เพียง 10 วัน เหตุจากผวาน้ำเค็มหนุน เผยหากพลาดท่าเสียโอกาสต้องรอไปอีกนานจนถึงช่วงฤดูน้ำหลากกลางปีหน้า พร้อมโอดเม็ดเงินรัฐบาลยังฝืดมาไม่ถึงมือชาวนา แม้แต่บาทเดียว จำต้องกู้หนี้ยืมสินหาเงินมาลงทุนซ้ำซ้อนกับหนี้เก่าที่ยังไม่ได้ใช้อีก
วันนี้ (16 พ.ย.54) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวนาในเขตพื้นที่ อ.คลองเขื่อน จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเคยเป็นเขตพื้นที่ถูกน้ำท่วม จากการรองรับการระบายน้ำผ่านพื้นที่จากทางภาคเหนือ และกรุงเทพฯ ต่างได้พากันไถหว่านพื้นที่ทำนาข้าวรอบใหม่กันแล้ว หลังจากน้ำที่เคยท่วมขังพื้นที่ได้เริ่มลดระดับลงมาได้เพียง 10 วันเท่านั้น จึงทำให้พื้นที่ ที่เคยถูกน้ำท่วม เริ่มมีสีเขียวขจีผุดขึ้นมาบนพื้นดินแทนผืนท้องน้ำที่ท่วมขังมาอย่างยาวนานกว่า 2 เดือนที่ผ่านมา
โดยนายสมชาย อักษร อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 39/1 ม.2 ต.คลองเขื่อน อ.คลองเขื่อน จ.ฉะเชิงเทรา กล่าวว่า สาเหตุที่ต้องเร่งรีบไถหว่าน ทุบเลนทำนา ก็เพราะกลัวน้ำเค็มจากทะเลจะหนุนสูงขึ้นมาซ้ำในช่วงใกล้เข้าสู่ฤดูแล้ง ซึ่งปกติแล้วน้ำเค็มจะหนุนสูงขึ้นมาตามลำน้ำบางปะกงเข้ามาถึงยังในเขตพื้นที่ อ.คลองเขื่อน ในช่วงประมาณเดือน ม.ค. ของทุกปี ชาวนาจึงเร่งทำนากันในช่วงประมาณเดือน ต.ค.ของทุกปี เพื่อให้ทันก่อนที่น้ำเค็มจะรุกคืบเข้าพื้นที่ ซึ่งหากล่าช้าไปกว่านี้ก็กลัวจะไม่ทันการณ์
และจากที่มีน้ำท่วมขังมาเป็นเวลานานนั้น จึงทำให้ขณะนี้การทำนาในงวดนี้ ได้ล่าช้าไปกว่า 1 เดือนเศษแล้ว ซึ่งในช่วงปลายๆ ของการทำนาครั้งนี้ ก็อาจจะขาดน้ำทำนาได้ ซึ่งชาวนาก็ต้องหาทางกักเก็บน้ำไว้ในแปลงนาให้อยู่ได้นานที่สุด
ขณะที่ นายจำลอง วรรณศิริ อายุ 62 ปี อยู่บ้านเลขที่ 43/3 ม.2 ต.คลองเขื่อน กล่าวว่า ขณะนี้เงินชดเชยส่วนต่างจากรัฐบาล และเงินน้ำท่วม 5 พันบาท ก็ยังมาไม่ถึงมือชาวนา และยังไม่เคยเห็นเงินสักบาทจากรัฐบาล การทำนาในครั้งนี้ก็จำเป็นที่จะต้องเร่งทำเพราะกลัวไม่ทันน้ำเค็ม จึงต้องไปหากู้ยืมเงินเขามาทำทุน ซื้อข้าวปลูก รวมทั้งค่าจ้างหว่าน ไถ จนทำให้เกิดปัญหาเป็นหนี้สินซ้ำซ้อนกับของเดิมที่นาข้าวได้ถูกน้ำท่วมเสียหายไป และยังไม่มีเงินไปใช้หนี้เขา
ที่ผ่านมารัฐบาลบอกว่าจะช่วยเหลือให้ข้าวปลูกแก่ชาวนาไร่ละ 1 ถัง แต่ขณะนี้ก็ยังไม่เห็น ซึ่งขณะนี้ชาวนาต้องไปหาซื้อข้าวปลูกมาจากพ่อค้า ที่ขายราคาแพง สูงถึงถังละกว่า 230 บาท หรือประมาณ เกวียนละ 2.3 หมื่นบาท จึงอยากจะฝากถามไปถึงยังรัฐบาลว่าไปมัวทำอะไรกันอยู่ จึงยังไม่ทำตามที่เคยพูด และหาเสียงไว้สักอย่าง
นายสำราญ พิศวาส อายุ 50 ปีอยู่บ้านเลขที่ 112/2 ม.2 ต.คลองเขื่อน กล่าวว่า ตนทำนาข้าวทั้งหมด 75 ไร่ถูกน้ำท่วมเสียหายไปกว่า 50 ไร่ ขณะนี้ยังไม่ได้ค่าชดเชยอะไรจากรัฐบาลสักบาท แต่ก็ต้องเร่งรีบทำนาเพราะกลัวน้ำเค็มหนุน ซึ่งจะมีเข้ามาทุกปี เนื่องจากพื้นที่การทำนาของชาว จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งอยู่ใกล้กับน้ำเค็มนั้น ต้องเร่งทำตามโอกาสให้ตรงกับจังหวะ เพื่อหลบเลี่ยงฤดูน้ำเค็มหนุนและน้ำหลาก และหลบเลี่ยงน้ำเค็มให้ทันตามฤดูกาล หากพลาดโอกาสไปแล้วจะต้องรอไปอีกนานกว่าครึ่งค่อนปี และชาวนาจะเอาเงินที่ไหนกิน ใช้ในครัวเรือน รวมถึงใช้หนี้สินด้วย
