นครปฐม - จังหวัดนครปฐม ระดับน้ำยังทรงตัวบางพื้นที่ลดลง 1 เซนติเมตร ชาวบ้านหลายอำเภอเริ่มเจอปัญหาน้ำท่วมขังเน่าเสีย ส่วนการช่วยเหลือยังติดปัญหาถุงยังชีพยังเข้าไม่ถึงผู้ประสบภัยที่อยู่ห่างไกล ยอดผู้เสียชีวิตยังอยู่ที่ 11 ราย
วันนี้ (11 พ.ย.) นายชูชาติ รักจิตร ผู้อำนวยการโครงการชลประทานนครปฐม เปิดเผยว่า ระดับน้ำในช่วงนี้อยู่ในเกณฑ์ที่ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดและเก็บของขึ้นที่สูงรวมทั้งตรวจสอบแนวป้องกัน โดยพิจารณาจากข้อมูลระดับน้าที่สถานีวัดน้าบ้างบางการ้อง ต.บางตาเถร อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี ระดับน้าวัดได้ 3.85 ม.สูงกว่าระดับตลิ่ง 0.85 ม.ระดับน้าลดลงจากเมื่อวาน 1 เซนติเมตร
วันนี้ กรมชลประทานและกรมเจ้าท่า จะเริ่มเดินเครื่องผลักดันน้ำและเรือผลักดันน้ำพร้อมกัน โดยเดินเครื่องผลักดันน้ำที่สะพานสำโรง-ลานตากฟ้า, สะพานรวมเมฆ และใช้เรือผลักดันน้ำ 6 จุด ได้แก่ ต.ทรงคนอง จานวน 6 ลำ, คลองลัดนางแท่น จำนวน 2 ลำ, สะพานโพธิ์แก้ว จานวน 3 ลำ, คลองลัดท่าคา จำนวน 4 ลำ, สะพานวัดเทียนดัด จานวน 5 ลำ , สะพานวัดท่าไม้จำนวน 5 ลำ
และขณะนี้มีพื้นที่น้ำท่วมรวมทั้งสิ้น 584,467 ไร่ สามารถแยกพื้นที่น้าท่วมเป็นรายอำเภอได้ดังนี้ อำเภอบางเลน จำนวน 323,548 ไร่ อำเภอดอนตูม จำนวน 52,130 ไร่ อำเภอกำแพงแสน จำนวน 64,865 ไร่ อำเภอเมืองนครปฐม จำนวน 10,551 ไร่ อำเภอนครชัยศรี จำนวน 69,446 ไร่ อำเภอสามพราน จำนวน 27,324ไร่ อำเภอพุทธมณฑล จำนวน 36,603 ไร่
มีพื้นที่ประสบอุทกภัยทั้งสิ้นจำนวน 7 อำเภอ 99 ตำบล 865 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 169,370 คน 47,444 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิตจำนวน 11 ราย ความเสียหาย รวมมูลค่าความเสียหายในเบื้องต้นโดยประมาณ 472,018,267 บาท มีผู้อพยพ 21,933 คน
โดยขณะนี้สถานการณ์น้ำไหลเชี่ยวในพื้นที่เป็นไปอย่างเบาลางลงมาก ระดับน้ำทรงตัวและมีหลายพื้นที่มีสภาพน้ำลดลงนิดหน่อยซึ่งชาวบ้านส่วนหนึ่งเห็นว่าเป็นไปในทิศทางที่ดีโดยเฉพาะผู้ที่อาศัยอยู่ทิ่ริมแม่น้ำท่าจีน ส่วนในพื้นที่โล่งกว่างยังมีสถานการณ์น้ำนิ่งไม่ไหลทำให้เกิดน้ำเน่าเสียและเริ่มส่งกลิ่นเหม็นมาได้ราว 1 สัปดาห์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้รับแจ้งจากชาวบ้าน ตำบลคลองนกกระทุง อำเภอบาลเลน ซึ่งมีพื้นที่เชื่อมต่อกับอำเภอพุทธมณฑล นั้นยังได้รับถุงยังชีพน้อยมากบางครั้งมีคนมาบริจาค 200 ชุดซึ่งไม่เพียงพอกับ 1,000 ครัวเรือน ทำให้ขณะมีการนำน้ำไปแจกมีการกระทบกระทั่งกันบ้างแล้ว แต่ก็มีการเจรจากันทำให้เกิดความเข้าใจและยอมรับสภาพที่อยู่ห่างไกลที่ทำให้การช่วยเหลือเป็นไปด้วยความบากลำบาก
ส่วนที่ตำบลบางภาษี อำเภอบางเลน พบว่า ผู้นำชุมชนและชาวบ้านหลายคนต้องทนทุกข์กับสภาพน้ำท่วมขังกว่า 3 เมตร น้ำเริ่มเน่าเสีย หลายคนต้องทนทรมานกับโรคน้ำกัดเท้าจนเปื่อยเป็นหนองหลายราย เพราะสภาพน้ำที่สกปกได้ขังนองอยู่ในท้องทุ่ง ชาวนาหลายคนบอกว่า ปี 49 ที่ผ่านมาที่เคยเป็นสถานที่ท่วมหนัก พบว่าปีนี้น้ำท่วมสูงกว่าสถิติ 801 เซนติเมตร คาดว่าน้ำจะลดลงจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ 55แน่นอน ซึ่งจะทำให้เกิดความเดือดร้อนมาก
เช่นเดียวกับ ตำบลแหลมบัว ตำบลท่าตำหนัก น้ำในคลองบางแก้วที่เชื่อมต่อกับแม่น้ำท่าจีนได้เอ่อเข้าชุมชนมานานหลายสัปดาห์นั้นทำให้น้ำเริ่มเน่าเหม็นหลายคนไม่อยากลงสัมผัสน้ำเพราะเกิดอาการคันอย่างรุนแรงและเกิดเป็นแผลพุพองวอนหน่วยงานเข้าช่วยเหลือ ส่วนที่ตำบลห้วยพลู พื้นที่ส่วนใหญ่ที่เป็นท้องนามีสภาพน้ำท่วมขังเป็นทะเลสาปขนาดใหญ่ ๆไม่ต่างกับอำเภอบางเลน
ทั้งนี้ พบว่าประชาชนได้มีความต้องการเรื่องยารักษาโรค นมเด็ก มากขึ้นแม้สภาพน้ำท่วมขังจะเริ่มมีแนวโน้มดีขึ้นแต่ก็ยังต้องประสบกับปัญหาทั้งเรื่อง การขาดน้ำดื่ม ยารักษาโรค ยาแก้ปวดหัว ยากแก้ปวดท้อง ยาแก้ท้องเสีย และยาป้องกันน้ำกัดเท้า และพบว่าประชาชนที่อยู่ในน้ำท่วมขังเริ่มเกิดสภาวะความเครียดเพิ่มมากขึ้น
วันนี้ (11 พ.ย.) นายชูชาติ รักจิตร ผู้อำนวยการโครงการชลประทานนครปฐม เปิดเผยว่า ระดับน้ำในช่วงนี้อยู่ในเกณฑ์ที่ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดและเก็บของขึ้นที่สูงรวมทั้งตรวจสอบแนวป้องกัน โดยพิจารณาจากข้อมูลระดับน้าที่สถานีวัดน้าบ้างบางการ้อง ต.บางตาเถร อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี ระดับน้าวัดได้ 3.85 ม.สูงกว่าระดับตลิ่ง 0.85 ม.ระดับน้าลดลงจากเมื่อวาน 1 เซนติเมตร
วันนี้ กรมชลประทานและกรมเจ้าท่า จะเริ่มเดินเครื่องผลักดันน้ำและเรือผลักดันน้ำพร้อมกัน โดยเดินเครื่องผลักดันน้ำที่สะพานสำโรง-ลานตากฟ้า, สะพานรวมเมฆ และใช้เรือผลักดันน้ำ 6 จุด ได้แก่ ต.ทรงคนอง จานวน 6 ลำ, คลองลัดนางแท่น จำนวน 2 ลำ, สะพานโพธิ์แก้ว จานวน 3 ลำ, คลองลัดท่าคา จำนวน 4 ลำ, สะพานวัดเทียนดัด จานวน 5 ลำ , สะพานวัดท่าไม้จำนวน 5 ลำ
และขณะนี้มีพื้นที่น้ำท่วมรวมทั้งสิ้น 584,467 ไร่ สามารถแยกพื้นที่น้าท่วมเป็นรายอำเภอได้ดังนี้ อำเภอบางเลน จำนวน 323,548 ไร่ อำเภอดอนตูม จำนวน 52,130 ไร่ อำเภอกำแพงแสน จำนวน 64,865 ไร่ อำเภอเมืองนครปฐม จำนวน 10,551 ไร่ อำเภอนครชัยศรี จำนวน 69,446 ไร่ อำเภอสามพราน จำนวน 27,324ไร่ อำเภอพุทธมณฑล จำนวน 36,603 ไร่
มีพื้นที่ประสบอุทกภัยทั้งสิ้นจำนวน 7 อำเภอ 99 ตำบล 865 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 169,370 คน 47,444 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิตจำนวน 11 ราย ความเสียหาย รวมมูลค่าความเสียหายในเบื้องต้นโดยประมาณ 472,018,267 บาท มีผู้อพยพ 21,933 คน
โดยขณะนี้สถานการณ์น้ำไหลเชี่ยวในพื้นที่เป็นไปอย่างเบาลางลงมาก ระดับน้ำทรงตัวและมีหลายพื้นที่มีสภาพน้ำลดลงนิดหน่อยซึ่งชาวบ้านส่วนหนึ่งเห็นว่าเป็นไปในทิศทางที่ดีโดยเฉพาะผู้ที่อาศัยอยู่ทิ่ริมแม่น้ำท่าจีน ส่วนในพื้นที่โล่งกว่างยังมีสถานการณ์น้ำนิ่งไม่ไหลทำให้เกิดน้ำเน่าเสียและเริ่มส่งกลิ่นเหม็นมาได้ราว 1 สัปดาห์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้รับแจ้งจากชาวบ้าน ตำบลคลองนกกระทุง อำเภอบาลเลน ซึ่งมีพื้นที่เชื่อมต่อกับอำเภอพุทธมณฑล นั้นยังได้รับถุงยังชีพน้อยมากบางครั้งมีคนมาบริจาค 200 ชุดซึ่งไม่เพียงพอกับ 1,000 ครัวเรือน ทำให้ขณะมีการนำน้ำไปแจกมีการกระทบกระทั่งกันบ้างแล้ว แต่ก็มีการเจรจากันทำให้เกิดความเข้าใจและยอมรับสภาพที่อยู่ห่างไกลที่ทำให้การช่วยเหลือเป็นไปด้วยความบากลำบาก
ส่วนที่ตำบลบางภาษี อำเภอบางเลน พบว่า ผู้นำชุมชนและชาวบ้านหลายคนต้องทนทุกข์กับสภาพน้ำท่วมขังกว่า 3 เมตร น้ำเริ่มเน่าเสีย หลายคนต้องทนทรมานกับโรคน้ำกัดเท้าจนเปื่อยเป็นหนองหลายราย เพราะสภาพน้ำที่สกปกได้ขังนองอยู่ในท้องทุ่ง ชาวนาหลายคนบอกว่า ปี 49 ที่ผ่านมาที่เคยเป็นสถานที่ท่วมหนัก พบว่าปีนี้น้ำท่วมสูงกว่าสถิติ 801 เซนติเมตร คาดว่าน้ำจะลดลงจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ 55แน่นอน ซึ่งจะทำให้เกิดความเดือดร้อนมาก
เช่นเดียวกับ ตำบลแหลมบัว ตำบลท่าตำหนัก น้ำในคลองบางแก้วที่เชื่อมต่อกับแม่น้ำท่าจีนได้เอ่อเข้าชุมชนมานานหลายสัปดาห์นั้นทำให้น้ำเริ่มเน่าเหม็นหลายคนไม่อยากลงสัมผัสน้ำเพราะเกิดอาการคันอย่างรุนแรงและเกิดเป็นแผลพุพองวอนหน่วยงานเข้าช่วยเหลือ ส่วนที่ตำบลห้วยพลู พื้นที่ส่วนใหญ่ที่เป็นท้องนามีสภาพน้ำท่วมขังเป็นทะเลสาปขนาดใหญ่ ๆไม่ต่างกับอำเภอบางเลน
ทั้งนี้ พบว่าประชาชนได้มีความต้องการเรื่องยารักษาโรค นมเด็ก มากขึ้นแม้สภาพน้ำท่วมขังจะเริ่มมีแนวโน้มดีขึ้นแต่ก็ยังต้องประสบกับปัญหาทั้งเรื่อง การขาดน้ำดื่ม ยารักษาโรค ยาแก้ปวดหัว ยากแก้ปวดท้อง ยาแก้ท้องเสีย และยาป้องกันน้ำกัดเท้า และพบว่าประชาชนที่อยู่ในน้ำท่วมขังเริ่มเกิดสภาวะความเครียดเพิ่มมากขึ้น
