มหาสารคาม- ชลประทานจังหวัดมหาสารคาม คาดระดับน้ำจะลดลงเข้าสู่ภาวะปกติในช่วงกลางเดือนหน้า ขณะที่จังหวัดเล็งแผนแก้ปัญหาน้ำท่วมระยะยาวเน้นซ่อมเสริมพนังตามลำน้ำชี โดยตั้งงบประมาณไว้กว่า 3,000 ล้านบาท
นายวรรัตน์ ประวาลปัทมกุล ผู้อำนวยการโครงการชลประทานจังหวัดมหาสารคาม กล่าวว่า สถานการณ์น้ำในเขตจังหวัดมหาสารคาม ซึ่งเกิดจากอิทธิพลในลำน้ำชีเริ่มลดลง เนื่องจากเขื่อนอุบลรัตน์จังหวัดขอนแก่น ลดการระบายลงเหลือเพียงวันละ 32.4 ล้านลูกบาศก์เมตร ส่งผลให้ระดับน้ำในลำน้ำชี ลดลงอย่างต่อเนื่อง
ระดับน้ำวัดที่ฝายมหาสารคาม อ.โกสุมพิสัย ระดับน้ำสูงกว่าระดับวิกฤตอยู่ที่ 3.37 เมตร มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 1,470 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที คิดเป็น 127 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน ซึ่งระดับน้ำลดลงจากเมื่อวานนี้ 6 เซนติเมตร
ส่วนด้านท้ายฝายวังยาง อ.เมืองมหาสารคาม ยังคงสูงกว่าระดับวิกฤตอยู่ที่ 1.94 เมตร มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 1,715 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที หรือ 148.18 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน ลดลงจากเมื่อวานนี้ 3 เซนติเมตร ซึ่งหากระดับน้ำลดลงอย่างต่อเนื่อง คาดว่าประมาณกลางเดือดพฤศจิกายน สถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ
สำหรับสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดกลาง 16 แห่งของจังหวัดมหาสารคาม ขณะนี้ปริมาณน้ำเต็มความจุเกือบทุกอ่าง ซึ่งมีเพียงพอต่อการปลูกพืชฤดูแล้งอย่างเต็มศักยภาพ
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ต้องเฝ้าระวัง คือการลดลงของลำน้ำ โดยในการบริหารจัดการน้ำจะมีการยกบานประตูลง ในแต่ละช่วงของลำน้ำ เพื่อกักน้ำไว้ใช้ในช่วงฤดูแล้ง และเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดการสไสด์ของดินริมตลิ่ง ซึ่งหากน้ำลดลงเร็ว จะทำให้ตลิ่งพังได้
สำหรับการแก้ไขปัญหาในระยะกลาง และระยะยาว จังหวัดได้มีการทำแผนเกี่ยวกับการซ่อมเสริมพนังตามลำน้ำชี โดยตั้งงบประมาณไว้กว่า 3,000 ล้านบาท ซึ่งจะมีภารกิจขอแต่ละหน่วยงานที่จะต้องบูรณาการร่วมกัน เพื่อทำรายละเอียดเสนอรัฐบาลเพื่อขออนุมัติงบประมาณต่อไป
