สุรินทร์- “น้ำมูล-ชี” จมข้าวหอมมะลิเมืองช้างสูญพุ่ง 2.4 แสนไร่ ล่าสุดพังพนังกั้นน้ำ “วังทะลุพัง” อ.ท่าตูม จุดบรรจบแม่น้ำมูล-ชี ทะลักท่วมนาข้าวจมพริบตาอีกกว่า 7,000 ไร่ ชาวนาถึงกับร้องไห้หลังสู้ต้านมากว่า 20 วัน และท่วมไปก่อนนี้แล้ว 7,000 ไร่ บางคนพยายามลอยคอแช่น้ำเกี่ยวข้าว ด้าน จ.สุรินทร์ ประกาศพื้นที่ภัยพิบัติน้ำท่วมแล้ว 13 อำเภอ 1,042 หมู่บ้าน เดือดร้อน 42,936 ครัวเรือน
วันนี้ (24 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำท่วม ในพื้นที่ จ.สุรินทร์ ว่าล่าสุดจากมวลน้ำเหนือจำนวนมาก และปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำทั้ง 18 แห่งของ จ.สุรินทร์ที่เต็มเกินความจุระดับเก็บกักทั้งหมด ชลประทานสุรินทร์ต้องระบายลงสู่ที่ลุ่ม ตามลำห้วยต่างๆ และไหลลงสมทบในแม่น้ำมูล และแม่น้ำชี ทำให้ล้นตลิ่งเอ่อทะลักเข้าท่วม ไร่นา บ้านเรือนประชาชนขยายวงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มติดริมแม่น้ำมูล แม่น้ำชี ใน อ.ชุมพลบุรี, อ.ท่าตูม และ อ.รัตนบุรี นั้น ถูกน้ำท่วมสูงเป็นบริเวณกว้าง
ทางจังหวัดสุรินทร์ได้ประกาศพื้นที่ประสบภัยพิบัติจากภาวะน้ำท่วมแล้ว 13 อำเภอ 110 ตำบล 1,042 หมู่บ้าน ได้แก่ อ.เมืองสุรินทร์, อ.สำโรงทาบ , อ.ท่าตูม, อ.ชุมพลบุรี, อ.รัตนบุรี, อ.จอมพระ, อ.สังขะ, อ.กาบเชิง, อ.ปราสาท, อ.บัวเชด, อ.ศีขรภูมิ, อ.ลำดวน และ อ.ศรีณรงค์ ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 42,936 ครัวเรือน นาข้าวเกือบทั้งหมดปลูกข้าวหอมมะลิเสียหาย 245,034 ไร่ มันสำปะหลังเสียหาย 57,358 ไร่ บ่อปลาเสียหาย 1,045 บ่อ ถนนได้รับความเสียหายจากการถูกน้ำกัดเซาะผิวจราจรและการสัญจรไปมาไม่สะดวก 224 สาย บ้านเรือนของราษฎรถูกน้ำท่วมขัง 664 หลัง
ด้าน นายประกิต กลางพัฒนา ผู้ใหญ่บ้านตากลาง ต.กะโพ อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ เปิดเผยว่า แนวพนังกั้นน้ำกระสอบทรายที่ชาวบ้านลงทุนลงแรงช่วยกันสร้างขึ้นเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำไหลทะลักเข้าท่วมนาข้าวตลอดเส้นทางจากบ้านตากลาง ไปยัง“วังทะลุ” จุดที่แม่น้ำมูล กับ แม่น้ำชี ไหลลงมาบรรจบกัน เป็นระยะทางยาวกว่า 3 กิโลเมตรนั้น ได้ถูกแรงดันน้ำอีกฝากหนึ่งของถนนที่มีระดับสูงเท่ากับแนวพนังกั้นน้ำดันพังทลายลงแล้ว และ น้ำจำนวนมากได้ไหลทะลักเข้าท่วมนาข้าวหอมมะลิที่กำลังออกรวงบริเวณทุ่งนาข้าว บ้านหนองบัว และ บ้านตากลาง ต.กะโพ อย่างรวดกว่า 7,000 ไร่ หลังจากก่อนหน้านี้ทุ่งนาอีกฟากของถนนบริเวณนี้ได้ถูกน้ำท่วมเสียหายไปแล้วกว่า 7,000 ไร่
“ชาวบ้านที่ทุ่มเทช่วยกันสร้างพนังกั้นน้ำป้องกันน้ำท่วมนาข้าว ต่อสู้มาได้เป็นเวลานานกว่า 20 วัน พากันเสียใจถึงกับร้องไห้ เพราะต้องสูญเสียนาข้าวหอมมะลิไปเป็นจำนวนมากในพริบตา ทั้งที่ใกล้จะได้เก็บเกี่ยวอยู่แล้ว ชาวนาบางคนที่ข้าวพอจะเกี่ยวได้บ้าง ได้พยายามลุยน้ำลอยคอเกี่ยวข้าว นำรวงข้าวที่แช่น้ำขึ้นมาผึ่งแดด หวังว่าดีกว่าปล่อยให้น้ำท่วมเน่าเสียไปทั้งหมด” นายประกิตกล่าว
