ศูนย์ข่าวศรีราชา - นายอำเภอบางละมุง แจงตรวจพบการรุกล้ำลำห้วยสาธารณะพัทยาใต้ 14 รายต้นตอสร้างปัญหาน้ำท่วมพัทยา พร้อมสั่งรื้อถอนใน 15 วัน ชี้หากดื้อแพ่งพร้อมดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด ยันปัญหาต้องรับการแก้ไขเร่งด่วนก่อนเกิดวิกฤติซ้ำซาก
วันนี้ (19 ต.ค.) ที่ศาลาว่าการเมืองพัทยา นายเชาวลิตร แสงอุทัย นายอำเภอบางละมุง เรียกประชุมตัวแทนจากเมืองพัทยา สำนักงานที่ดินจังหวัดชลบุรี เจ้าท่าภูมิภาคที่ 6 หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเจ้าของที่ดินรวมทั้งผู้เช่าที่ดินจำนวน 14 แปลงบริเวณพัทยาใต้ เพื่อทำการชี้แจงและทำข้อตกลงเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาเรื่องของสิ่งปลูกสร้างและการรุกล้ำแนวลำห้วยสาธารณะบริเวณคลองพัทยาใต้
กรณีดังกล่าวส่งผลให้คลองมีสภาพคับแคบ น้ำไม่สามารถไหลผ่านได้โดยสะดวกจนทำให้เกิดการเอ่อล้นและท่วมขังในพื้นที่เมืองพัทยาเป็นบริเวณกว้าง จนส่งผลกระทบต่อประชาชนและนักท่องเที่ยวอย่างมากในช่วงเวลาที่ผ่านมา จนกระทั่งนายวิชิต ชาตไพสิฐ ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ได้มีคำสั่งให้อำเภอบางละมุง เป็นแม่งานในการตรวจสอบและแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างจริงจัง
นายเชาวลิตร กล่าวว่า หลังจากเกิดน้ำท่วมขังในช่วงต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา ผู้ว่าราชการจัง หวัดชลบุรีได้ลงมาทำการตรวจสอบพื้นที่และมีคำสั่งให้แก้ไขอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะกรณีของการรุกล้ำแนวคลองจนทำให้มีสภาพคับแคบและตื้นเขินจนเป็นปัญหา จึงได้ประสานงานกับสำนักงานที่ดินจังหวัดชลบุรีเพื่อมาทำการรังวัดและตรวจสอบแนวคลองจนกระทั่งได้ผลสรุป ซึ่งก็พบว่าสภาพจริงของแนวคลองนั้นมีขนาดความกว้างกว่าที่เป็นอยู่หรือเฉลี่ยประมาณ 10 กว่าเมตร และพบว่ามีสิ่งปลูกสร้างมากมายที่รุกล้ำอยู่
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่ามีที่ดินจำนวน 14 แปลง ที่มีแนวของสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำแนวคลองสาธาร ณะ ทั้งสถานประกอบการโรงแรมขนาดใหญ่ สถานบันเทิง อาคาร และที่พัก รวมแล้วมีพื้นที่กว่า 3 ไร่ ซึ่งเรื่องนี้คงจะปล่อยทิ้งไว้ไม่ได้ จึงได้มีการประชุมเพื่อชี้แจงและขอความร่วมมือจากเจ้าของที่ดินและผู้เช่าเหล่านี้ดำเนินการแก้ไขอย่างเร่งด่วนในระยะเวลา 15 วัน ซึ่งก็พบว่าได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตาม หากมีกรณีของที่ดินบางแปลงที่ไม่ยินยอมดำเนินการนั้น ทางอำเภอบางละมุงก็จะใช้อำนาจในฐานะเจ้าพนักงานท้องถิ่นดำเนินการอย่างเด็ดขาด ทั้งนี้ เพราะต้องการให้กรณีดังกล่าวมีการปฏิบัติอย่างจริงจังเพราะถือเป็นปัญหาเรื้อรัง และสร้างผลกระทบต่อวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่อย่างมาก
นายเชาวลิตร กล่าวต่อไปว่า สำหรับการรุกล้ำแนวลำห้วยสาธารณะนั้นถือเป็นเรื่องที่รัฐให้ความใส่ใจเพราะถือเป็นผืนที่ดินที่เป็นของส่วนรวมและสาธารณะที่ใครก็ไม่สามารถเข้ามาครอบครองทำประโยชน์ได้ ซึ่งกรณีนี้ได้ชี้แจงให้กับทุกฝ่ายได้รับทราบและเข้าใจแล้ว พร้อมจะต้องดำเนินการถือปฏิบัติอย่างจริงจัง อย่างไรก็ตามหลายฝ่ายกลัวว่ากรณีดังกล่าวนั้นจะยืดเยื้อและอาจเป็นคดีความนั้น เรื่องนี้ไม่น่าวิตก เพราะถือเป็นเรื่องสำคัญที่มีข้อกฎหมายกำหนดไว้ชัดเจน และเป็นอำนาจโดยตรงของเจ้าพนักงานท้องถิ่น
โดยในเบื้องต้นหากฝ่าฝืนก็จะออกคำสั่งให้รื้อถอนใน 30 วัน และไม่ดำเนินการก็จะออกคำสั่งอีก 15 วัน จากนั้นจะรวบรวมข้อมูลส่งฟ้องต่อศาลพร้อมเปรียบเทียบปรับ และการส่งเรื่องเพื่อบังคับคดี ซึ่งขั้นตอนทั้งหมดไม่น่าจะเกินระยะเวลาประมาณ 3 เดือน จึงมั่นใจได้ว่า จากนี้การแก้ไขปัญหาการรุกล้ำแนวคลองสาธารณะบริเวณพัทยาใต้จะหมดไปอย่างแน่นอน