นอภ.บางละมุง เร่งตรวจสอบสิ่งปลูกสร้างรุกลำคลองสาธารณะพัทยาใต้

ศูนย์ข่าวศรีราชา - นายอำเภอบางละมุง เร่งตรวจสอบอาคารและสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำลำคลองสาธารณะพัทยาใต้ หลังมีการสร้างกีดขวางเป็นจำนวนมาก จนเกิดน้ำท่วมขัง พร้อมสั่งเจ้าหน้าที่รังวัดแนวเขตคลองให้แล้วเสร็จภายใน 1 สัปดาห์ ก่อนจะดำเนินมาตรการขั้นเด็ดขาดต่อไป โดยไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม

จากรณีที่เกิดพายุฝนตกลงมาอย่างหนักในพื้นที่เมืองพัทยา ส่งผลให้เกิดภาวะน้ำท่วมขังอย่างหนัก ทำให้ประชาชนเป็นจำนวนมากต้องได้รับเดือดร้อนจากปัญหาดังกล่าว ซึ่งกรณีที่เกิดขึ้นนั้น จากการตรวจสอบของ นายวิชิต ชาตไพสิฐ ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ระบุว่า นอกจากปัจจัยในเรื่องของน้ำทะเลหนุนแล้ว ยังมีปัญหาในเรื่องของการระบายน้ำที่เป็นไปด้วยความเชื่องช้า เนื่องจากคลองพัทยาใต้ซึ่งเป็นทางระบายน้ำหลักลงสู่ทะเลมีสภาพคับแคบที่สำคัญยังพบว่ามีการปลูกสร้างอาคารรุกล้ำแนวคลองเป็นจำนวนมาก ทำให้มีการติดค้างของขยะมูลฝอยและเศษตะกอนดินจนทำให้น้ำไม่สามารถระบายได้สะดวก

ดังนั้น เมื่อมีปริมาณน้ำฝนเป็นจำนวนมาก จึงทำให้เกิดการเอ่อล้นและไหลเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน จนมีการสั่งการเร่งด่วนมายังอำเภอบางละมุง เพื่อให้เป็นแม่งานในการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง

ล่าสุด นายเชาวลิต แสงอุทัย นายอำเภอบางละมุง ได้นำคณะเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องพร้อมสื่อมวลชน ลงตรวจสอบสภาพแนวคลองบริเวณพัทยาใต้ โดยเบื้องต้นได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่จากสำนักงานที่ดินทำการรังวัดแนวเขตคลองใหม่ เพื่อหาระยะและแนวคลองที่ชัดเจน รวมทั้งตรวจสอบว่ามีการบุกรุกแนวคลองสาธารณะในช่วงพื้นที่ใดบ้าง ซึ่งก็พบว่าตลอดแนวคลองซึ่งมีขนาดความกว้างประมาณ 2 เมตรนั้น จะมีผู้ประกอบการภาคเอกชนหลายแห่งทำการก่อสร้างอาคาร สะพาน และสิ่งปลูกสร้างอื่นๆ ตลอดแนวคลอง

ขณะที่บริเวณฐานของอาคารเหล่านี้ก็มีการตอกเสาซีเมนต์ หรือเสาไม้ลงไปในแนวคลอง ทำให้มีเศษวัสดุจำพวกพลาสติก และอื่นๆ รวมทั้งดินทับถมอยู่เป็นจำนวนมาก ขณะ ที่ในบางพื้นที่ซึ่งมีการถมดินบริเวณริมแนวคลองนั้น ก็มีภาคเอกชนบางส่วนบุกรุกเข้ามาปลูกที่พักอาศัยโดยไม่ได้รับอนุญาตแต่อย่างใด

ขณะที่บริเวณแนวด้านปลายคลองที่พาดผ่านไปในช่วงกลางของสถานประกอบการโรงแรมสยามเบย์ชอว์ ที่มีการนำแผ่นสแลนด์มาปิดกั้นด้านบน และการก่อสร้างสะพานข้ามคลองในระยะประมาณ 200 เมตร ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของการสะสมของเศษปฏิกูล จนทำให้น้ำเกิดการท่วมขังนั้น ก็ได้เข้าทำการตรวจสอบพร้อมเจรจาร่วมกับผู้บริหารของทางโรงแรม เพื่อขอความร่วมมือในการรื้อถอนและแก้ไข ซึ่งก็ได้รับการตอบรับจากทางโรงแรมเป็นอย่างดี โดยจะทำการรื้อแผงสแลนด์ด้านบนออก พร้อมรื้อถอนสะพานข้ามคลองเพื่อปรับปรุงโดยจะเพิ่มระยะความสูงให้พ้นจากแนวคลองเดิมในระยะที่ปลอดภัยภายในเร็วๆ วันนี้

นายเชาวลิต กล่าวต่อว่า สำหรับคลองพัทยาใต้ เดิมมีความยาวประมาณกว่า 1 กิโลเมตร มีความกว้างกว่า 4 เมตร ซึ่งเป็นคลองที่ใช้ในการคมนาคมสัญจรของคนในพื้นที่ที่ก่อสร้างโดยกรมโยธาธิการ แต่ปัจจุบันเมืองพัทยามีการเจริญเติบโต และขยายตัวมากขึ้น มีการออกโฉนดที่ดินเพิ่มเติมทำให้แนวคลองคับแคบลง อย่างไรก็ตาม หลังจากการเข้ารื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง รวมถึงการขุดลอกคลองเพิ่มเติมน่าจะทำให้สามารถขยายแนวเขตคลองได้มากขึ้น ซึ่งจะทำให้การระบายน้ำเป็นได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นตามไปอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่า มีผู้ประกอบการและอาคารหลายแห่งที่ปลูกสร้างรุกล้ำแนวคลองนี้ จนทำให้เกิดปัญหา ซึ่งภายใน 1 สัปดาห์นี้จะได้มอบหมายให้ทางสำนักงานที่ดินสรุปผลของการสำรวจ จากนั้นอำเภอก็จะออกคำสั่งให้ผู้รุกล้ำทำการรื้อถอนตามกฎหมายเกี่ยวกับการรุกล้ำแนวลำห้วย หรือลำคลอง ซึ่งเป็นกฎหมายอาญา เพื่อทำการเปรียบเทียบปรับและให้ผู้รุกล้ำทำการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกภายใน 30 วัน

นายเชาวลิต กล่าวว่า หากผู้ประกอบการยังฝ่าฝืนก็จะดำเนินการในครั้งที่ 2 โดยให้ระยะเวลา 15 วัน จากนั้นจะขอคำสั่งศาลเพื่อให้ดำเนินการในทันที ซึ่งกฎหมายตัวนี้แตกต่างจากเมืองพัทยาที่ใช้กฎหมายการควบคุมอาคารที่สามารถขออุทธรณ์ได้ แต่กฎหมายฉบับนี้จะมีผลบังคับทันทีและมีโทษค่อนข้างรุนแรงกว่าจึงจะสามารถดำเนินการได้เร็วและเด็ดขาด โดยยืนยันว่างานนี้จะต้องทำอย่างจริงจังเพราะถือเป็นปัญหาในภาพรวม

ส่วนที่ว่าจะมีมวยล้มหรือไม่ เพราะพื้นที่นี้เป็นพื้นที่เศรษฐกิจและอาจมีผลกระทบกับผู้กว้างขวางบางส่วนนั้นเรื่องนี้คงจะยินยอมให้ไม่ได้ เพราะคลองเป็นที่สาธารณะและเป็นหัวใจหลักในการแก้ปัญหาน้ำท่วมขัง ซึ่งก็คงต้องดำเนินการไปเพื่อคืนพื้นที่ให้กับสังคม