ศูนย์ข่าวขอนแก่น - ชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้าน อำเภอฆ้องชัย รุดพบผู้ว่าฯขอนแก่น ยื่นหนังสือให้เขื่อนอุบลรัตน์ ลดปริมาณระบายน้ำ หวั่นพนังกั้นน้ำอ.ฆ้องชัย รับน้ำไม่ไหว เผย ท่วมนาข้าวเสียหายแล้วกว่า 1.4 หมื่นไร่ หากรับน้ำไม่ไหวอีก 4 หมื่นไร่วอดแน่ ด้านรองพ่อเมืองขอนแก่น แจงต้องคำนึงผลกระทบกับประชาชนทั้งพื้นที่เหนือน้ำ-ท้ายน้ำ ทั้งต้องสำรองพื้นที่เขื่อนไว้รับน้ำจากพายุลูกใหม่ ที่กำลังเข้ามา 2 วันข้างหน้านี้
วันนี้ (11 ต.ค.) ชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้าน อำเภอฆ้องชัย จังหวัดกาฬสินธุ์ นำโดย นายไพโรจน์ อินทวรรณ รักษาการประธานชมรม นำคณะเข้ายื่นหนังสือต่อ นายสมบัติ ตรีวัฒน์สุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำจังหวัดขอนแก่น เพื่อให้สั่งการต่อเขื่อนอุบลรัตน์ ให้ลดปริมาณการระบายน้ำท้ายเขื่อน ลดผลกระทบน้ำท่วมในพื้นที่อำเภอฆ้องชัย และอำเภอใกล้เคียง ในจังหวัดกาฬสินธุ์
โดย นายอนุกูล ตังคณานุกูลชัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น มารับหนังสือร้องเรียนแทนผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น ณ ห้องประชุมสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดขอนแก่น ศาลากลางจังหวัดขอนแก่น
นายไพโรจน์ อินทวรรณ รักษาการประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้าน อ.ฆ้องชัย จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ผลจากการที่เขื่อนอุบลรัตน์ระบายน้ำปริมาณสูงมากกว่า 50 ล้านลูกบาศก์เมตร ทำให้ระดับน้ำชีในพื้นที่อ.ฆ้องชัย หนุนสูงกว่าทุกปีอยู่ที่ระดับ 140.70 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลปานกลาง (ม.รทก.) สูงกว่าระดับสูงสุดปีที่แล้วที่ระดับ 140.60 ม.รทก.ซึ่งน้ำชีได้เอ่อล้นท่วมนาข้าวเสียหายสิ้นเชิงแล้วกว่า 14,800 ไร่
หากเขื่อนอุบลรัตน์ ยังคงระบายน้ำที่ระดับ 50 ล้าน ลบ.ม.ต่อไป เกรงว่า จะทำให้พนังกั้นน้ำชี ในอ.ฆ้องชัยเสียหาย จนทำให้น้ำเอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่การเกษตรเสียหายอีกมากกว่า 4 หมื่นไร่ ในฐานะตัวแทนชาวบ้านจึงต้องมาร้องขอกับทางจังหวัดขอนแก่นและเขื่อนอุบลรัตน์ให้ช่วยเหลือ โดยลดการปล่อยน้ำให้เหลือที่ระดับ 45 ล้าน ลบ.ม.จะทำให้สถานการณ์ทรงตัวและควบคุมได้
สถานการณ์ราคาข้าวเปลือกปีนี้ ชาวบ้านมีความหวังจะได้รับประโยชน์จากนโยบายจำนำข้าวของรัฐบาล ชาวบ้านไม่ต้องการให้ที่น่าเสียหาย ต้องการนำข้าวไปจำนำดีกว่ามารอรับเงินชดเชยน้ำท่วม
ด้าน นายอนุกูล ตังคณานุกูลชัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น ในฐานะรองประธานคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำจังหวัดขอนแก่น ยืนยันว่า คณะกรรมการได้ประชุมกันวันต่อวัน ติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด ซึ่งเขื่อนอุบลรัตน์ได้พยายามชะลอการระบายน้ำมาโดยตลอดตั้งแต่ฝนตกชุกเมื่อต้นเดือนกันยายน เพื่อให้เกิดผลกระทบกับชุมชนท้ายเขื่อนต่ำสุด ทั้งปีนี้น้ำไหลเข้าเขื่อนอุบลรัตน์มากสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เฉพาะกันยายนเดือนเดียวรับเข้าถึง 2,433 ล้าน ลบ.ม.
ส่วนการชะลอระบายน้ำ ต้องคำนึงถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นกับประชาชนด้านเหนือเขื่อนอุบลรัตน์ด้วย เพราะได้รับผลกระทบเช่นกัน โดยชาว อ.โนนสังข์ จ.หนองบัวลำภู ต้องการให้เขื่อนระบายน้ำออกให้มากที่สุด ที่สำคัญ กำลังจะมีพายุฝนลูกใหม่ เข้ามาในพื้นที่ภาคอีสาน ระหว่างวันที่
ที่สำคัญ กรมอุตุนิยมวิทยา ได้ประกาศเตือนถึงพายุลุกใหม่ ที่จะเกิดฝนตกระหว่างวันที่ 13-14 และอีกลูกระหว่างวันที่ 17-18 ต.ค.นี้ สถานการณ์ปัจจุบันเขื่อนต้องรับน้ำจากชัยภูมิ เลย และหนองบัวลำภูอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ความจุอ่างเกินการกักเก็บไปกว่า 20% หากไม่ระบายน้ำออกในระดับที่เพียงพอต่อการรับน้ำ เมื่อมีน้ำใหม่ไหลเข้าเพิ่มอีก 80-100 ล้านลูกบาศก์ลบ.ม. จากอิทธิพลของพายุฝนลูกใหม่ จะต้องระบายออกในปริมาณที่รับเข้า ซึ่งจะสร้างความเสียหายต่อพื้นที่ท้ายเขื่อนอย่างรุนแรง
นายอนุกูล กล่าวอีกว่า คณะกรรมการบริหารจัดการน้ำขอนแก่น เข้าใจและเห็นใจประชาชนทุกคนที่ได้รับผลกระทบทั้งขอนแก่น กาฬสินธุ์ มหาสารคาม ร้อยเอ็ด และยังมีพื้นที่อ.โนนสัง จ.หนองบัวลำภู เฉพาะขอนแก่นมีพื้นที่การเกษตรเสียหายไปแล้วกว่า 240,000 ไร่ บ้านเรือนเสียหายรวมทั้ง 26 อำเภอ 199,865 ครัวเรือน ประชาชนเดือดร้อนกว่า 907,994 คน ต้องอพยพไปศูนย์ที่พักชั่วคราวและเต็นท์ที่พักริมถนนในเขตอำเภอเมืองขอนแก่นขณะนี้รวม 13 ตำบล 4,188 ครัวเรือน
ผู้ประสบภัยที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมปีนี้ รุนแรงกว่าทุกปี จึงขอให้ทุกคน ตระหนักถึงปัญหาและทบทวนว่าอะไรจะเป็นวิกฤตมากกว่ากัน เมื่อคำนึงถึงส่วนรวมให้มาก ปัญหาจะเบาลง จึงต้องร่วมใจกัน เข้าใจต่อสถานการณ์และหาทางช่วยกัน โดยเฉพาะการขุดลอกคูคลอง ขจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ ซึ่งยังคงจำเป็นต้องคงระดับการระบายน้ำที่ 52 ล้านลูกบาศก์เมตรไว้
สำหรับสถานการณ์น้ำในเขื่อนอุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น เมื่อเวลา 08.00 น.วันนี้ (11 ต.ค.) ระดับน้ำสูงถึง 183.24 ม.รทก.คิดเป็นปริมาณน้ำ 2,922.48 ล้าน ลบ.ม.หรือคิดเป็น 120.20% ของความจุอ่าง ปริมาณน้ำไหลเข้า 54.44 ล้าน ลบ.ม.ระบายน้ำออกที่ 52.55 ล้านลบ.ม.
