อุบลราชธานี - สำนักชลประทานอุบลราชธานี ตั้งรับน้ำเหนือทั้งจากแม่น้ำมูล และ แม่น้ำชี ที่กำลังไหลมารวมกันในสัปดาห์หน้า แต่คาดหลังการบริหารจัดการน้ำในจังหวัดทำได้ดี มวลน้ำปริมาณมากที่จะเดินทางมาถึงไม่ทำให้ระดับน้ำท่วมสูงขึ้นกว่าที่ท่วมอยู่แล้ว ด้านจังหวัดประกาศรับเรือหางยาวเข้าร่วมพร่องน้ำ โดยจะเป็นผู้จ่ายค่าน้ำมันเรือให้กับเรือที่เข้าร่วมทุกลำ ขณะที่แพทย์-พยาบาลลงเรือตรวจรักษาอาการป่วยชาวบ้าน ป้องกันการเจ็บป่วยจากอากาศเปลี่ยนแปลงและโรคมากับน้ำ
นายพงษ์ศักดิ์ คำศรี หัวหน้าฝ่ายจัดสรรน้ำและปรับปรุงระบบชลประทานโครงการโขง ชี มูล กล่าวถึงอ่างเก็บน้ำทั้ง 16 แห่งในจังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งสามารถเก็บกักน้ำได้รวม 115 ล้านลูกบาศก์เมตร ปัจจุบันมีปริมาณน้ำในอ่าง 85-90% ของความจุอ่าง จึงยังสามารถรองรับน้ำเข้าได้อีก 10% ทำให้ยังไม่ปล่อยน้ำออกมาในขณะนี้
ส่วนฝายที่อยู่ตามเส้นทางลำน้ำชี ลำน้ำมูล ลำน้ำเซบก ลำน้ำเซบาย ได้ยกบานระบายให้น้ำไหลผ่านตั้งแต่ปลายเดือนสิงหาคมที่จังหวัดเกิดอุทกภัยน้ำท่วม ปัจจุบันฝายธาตุน้อย อ.เขื่องใน ที่ต้องรองรับน้ำจากเขื่อนอุบลรัตน์ วันนี้ มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 1,291.04 ลูกบาสก์เมตรต่อวินาที
และเมื่อน้ำที่เขื่อนอุบลรัตน์เดินทางมาถึงในอีก 1-2 วันข้างหน้า คาดว่า จะทำให้น้ำสูงขึ้นจากเดิมที่เคยท่วมไม่มาก เพราะจังหวัดมีการพร่องน้ำ ทำให้ระดับน้ำท่วมในชุมชนลดลงต่อเนื่อง แต่อย่างไรสำนักชลประทานยังมีการติดตามเฝ้าดูสถานการณ์น้ำที่เขื่อนอุบลรัตน์ปล่อยออกมาตลอด 24 ชั่วโมง
สำหรับระดับแม่น้ำมูลที่ จ.อุบลราชธานี ซึ่งลดลงต่อเนื่องมาตลอดสัปดาห์ เพราะมีผลจากระดับน้ำในแม่น้ำโขงที่ปรับตัวลดลง ทำให้น้ำจากแม่น้ำมูลไหลลงแม่น้ำโขงได้สะดวก รวมทั้งจังหวัดใช้เรือพร่องน้ำตามสะพานข้ามแม่น้ำมูลได้ผลดี
จึงประกาศเชิญชวนชาวเรือเอกชนที่มีเรือหางยาวทุกชนิด ให้นำเรือมาร่วมพร่องน้ำ โดยจังหวัดเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายค่าน้ำมันเรือ เพื่อช่วยลดระดับน้ำท่วมในชุมชน พร้อมรองรับปริมาณน้ำเหนือของแม่น้ำมูลจากจังหวัดศรีสะเกษ และแม่น้ำชีจากจังหวัดยโสธร ที่กำลังไหลมารวมกันที่จังหวัดในสัปดาห์หน้า เพื่อไม่ให้ระดับน้ำสูงกว่าที่กำลังท่วมอยู่ในปัจจุบันนี้
ด้านความช่วยเหลือ นพ.ทรงเกียรติ เล็กตระกูล รอง ผอ.ด้านบริการปฐมภูมิและทีมสหวิชาชีพ โรงพยาบาลศูนย์สรรพสิทธิประสงค์ ร่วมกับกองกำกับการฝึกที่ 3 ตำรวจตระเวนชายแดนค่ายพระยอดเมืองขวาง ลงเรือตรวจรักษาชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม และยังอาศัยอยู่ในบ้านที่ชุมชนวัดท่าวังหิน ชุมชนกุดแสนตอ
รวมทั้งที่ศูนย์อพยพผู้ประสบภัยน้ำท่วมชุมชนวังแดง เพื่อแจกจ่ายยา ขนม น้ำดื่มให้กับชาวบ้าน และพบว่าชาวบ้านส่วนใหญ่ป่วยเป็นโรคไข้หวัด มีอาการไอเจ็บคอ และโรคผิวหนัง ที่เกิดจากการสัมผัสน้ำท่วมเป็นเวลานาน
นพ.ทรงเกียรติ กล่าวว่า นอกจากทีมแพทย์และพยาบาลจะลงเรือไปดูแลชาวบ้านที่ป่วย และพักอาศัยในบ้านที่มีน้ำท่วม ช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ ยังมีเจ้าหน้าที่มาให้บริการตรวจสุขภาพที่ศูนย์สุขภาพชุมชนท่าวังหิน เพื่อช่วยเหลือชาวบ้านผู้ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมให้ปลอดจากโรคที่มากับน้ำและการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ
ด้าน นางบุสดี อิ่มสุข อายุ 50 ปี ผู้ประสบภัยน้ำท่วมชุมชนวังแดง กล่าวว่า ชาวชุมชนวังแดงกว่า 100 คน อพยพมาอยู่ในศูนย์แห่งนี้ ตั้งแต่เดือนสิงหาคม โดยหนึ่งเต็นท์อยู่ร่วมกัน 2 ครอบครัว และได้รับแจ้งว่า กว่าน้ำจะลดจนกลับไปอยู่ในบ้านได้ตามปกติ อาจเป็นเดือนมกราคมปีหน้า
สำหรับความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนในตอนนี้ คือ ต้องการผ้าห่มกันหนาว เพราะช่วงกลางคืนอากาศเริ่มหนาวเย็น เต็นท์ที่ใช้พักอาศัยไม่สามารถป้องกันลมหนาวได้ ทำให้มีผู้ป่วยจากอากาศที่เปลี่ยนแปลงบ่อยเพิ่มขึ้นทุกวัน