เปิดจำนำข้าวพิจิตรวันแรกเหงา เจอความชื้นสูง-ชาวนาไร้เอกสารรับรอง

พิจิตร - จำนำข้าวพิจิตรวันแรกบรรยากาศเงียบเหงา ข้าวมีความชื้นสูง แถมเจอปัญหาชาวนาไม่มีหนังสือรับรองเกษตรกร จนต้องใช้วิธีผ่อนผันจำนำก่อนเอกสารตามมาที่หลัง แต่ไม่วายเจอปัญหากรรมการตรวจสอบประจำโรงสีมาไม่ครบอีก

วันนี้ (7 ต.ค.) น.ส.สุณีย์ เหลืองวิจิตร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย เปิดเผยภายหลังเข้าตรวจโรงสีต่างๆ ในเขต จ.พิจิตร ที่เข้าโครงการรับจำนำข้าววันแรก โดยพบว่า บรรยากาศไม่คึกคักเท่าที่ควร โดยช่วงเช้าที่โรงสีธนกร บรรจง สรร มีชาวนาเพียง 2 ราย ที่นำข้าวความชื้น 25 และ 32 เปอร์เซ็นต์ 18 ตันมาจำนำ รวมถึงในโรงสีแห่งอื่นๆ รวม 6 แห่งที่เข้าร่วมโครงการก็มีลักษณะเช่นเดียวกัน ซึ่งก็ยังไม่พบการทุจริต มีแต่พบปัญหา คือ ชาวนาที่มีข้าวเปลือกเกี่ยวสดจะเอามาจำนำ และไม่มีหนังสือรับรองเกษตรกร

ด้าน นายสมเกียรติ บุญผ่อง ซึ่งเป็นเกษตรอำเภอสามง่าม แต่ไปช่วยราชการ สนง.เกษตรจังหวัดพิจิตร เปิดเผยถึงปัญหาของชาวนากับโครงการรับจำนำข้าววันแรกว่า เป็นเพราะปลัด อบต.และปลัดอำเภอ รวมถึงเจ้าหน้าที่สำนักงานเกษตรอำเภอ ยังไม่ได้ออกหนังสือรับรองให้เกษตรกร เนื่องจากยังไม่เข้าใจเอกสาร อีกทั้งยังสาละวนกับพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วม

แท้ที่จริงแนวทางปฏิบัติ คือ ชาวนาต้องขึ้นทะเบียนเกษตรกร และแจ้ง-ให้ข้อมูลทำบันทึกว่าทำนากี่ไร่-ทำนาตนเอง หรือเป็นนาที่เช่าเถ้าแก่ รวมถึงปลูกข้าวชนิดใด ปลูกวันไหน และจะได้เก็บเกี่ยวเมื่อไหร่ ผลผลิตที่คาดว่าจะได้รับจะมีจำนวนข้าวกี่ตัน จากนั้น สนง.เกษตรอำเภอ ก็จะออกหนังสือรับรองความเป็นเกษตรกรให้ และให้ถือหนังสือไปหาปลัด อบต.หรือปลัดเทศบาล ซึ่งเป็นฝ่ายข้าราชการ ที่ปกครองท้องถิ่นให้ลงนามรับรองความจริงอีกชั้นหนึ่ง

จากนั้นเมื่อเกี่ยวข้าวในนาแล้ว ก็ให้นำข้าวเปลือก พร้อมทั้งหนังสือรับรองเกษตรกรดังกล่าวมาที่โรงสีที่เปิดจุดรับจำนำดังกล่าว

ปรากฏว่า วันนี้ (7 ต.ค.) เมื่อเปิดโครงการวันแรก ซึ่งถือว่าเร่งด่วน จึงทำให้เรื่องเอกสารไม่ราบรื่นอย่างที่ควรจะเป็น ดังนั้นจึงได้หารือไปยัง นายสุวิทย์ วัชโรทยางกูร ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร ซึ่งเป็นประธานโครงการรับจำนำข้าวระดับจังหวัดได้อนุมัติให้ใช้วิธีผ่อนผันให้ส่งมอบข้าวเปลือกก่อนแล้วเอกสารให้นำตามมาภายหลัง โดยให้มีตัวแทน 3 ฝ่าย คือ จากสภาเกษตรกร, เจ้าหน้าที่ ธ.ก.ส.และเจ้าหน้าที่ อ.ต.ก., อคส มาคอยนั่งรับรองความจริงจนชาวนาสามารถจำนำข้าวได้

อย่างไรก็ตาม ในทางปฏิบัติ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตัวแทน 3 ฝ่าย กลับมีมานั่งประจำโรงสีไม่ครบอย่างที่กฎกติกาวางไว้ โดยตัวแทนสภาเกษตรกรที่จะต้องนั่งประจำโรงสีธนกร บรรจง สรร นั้น กำหนดไว้ว่าจะต้องมี 2 คน กลับพบมีเพียง นายธีระ สุวรรณสุข ที่เป็นตัวแทนสภาเกษตรกร มานั่งสังเกตการณ์อยู่แค่เพียงคนเดียว อีกทั้งก็ยังอธิบายสิทธิ อำนาจ หน้าที่ ของตนเองไม่ได้อีกด้วย รู้แต่ว่าเค้าแต่งตั้งให้มา ก็มาเท่านั้น โดยยังไม่แม่นเรื่องระเบียบของโครงการรับจำนำข้าวดังกล่าว

ในส่วนของ นายมนตรี สุวรรณทา อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 34/4 บ้านสระยายชี หมู่ 5 ต.เนินปอ อ.สามง่าม จ.พิจิตร ชาวนารายแรกที่นำข้าวมาจำนำ เล่าว่า ทำนา 25 ไร่ ถูกน้ำท่วมเสียหายบางส่วนแต่ก็เกี่ยวข้าวได้ แล้วขนใส่รถกระบะและรถอีแต๋นได้ข้าวมาจำนำเพียงแค่ 10 ตันวัดความชื้นได้ 24% จึงได้ราคาอยู่ที่ตันละ 12,802 บาท ก็พึงพอใจกับราคาที่ได้รับ

นายมนตรี ยังบอกอีกว่า โครงการนี้ดีเฉพาะกับผู้ที่มีข้าวเปลือกเข้าโครงการ แต่ก็สงสารเพื่อนชาวนาที่นาถูกน้ำท่วมไม่มีข้าวจำนำก็ไม่มีสิทธิได้อะไรเลย ซึ่งต่างกับโครงการประกันรายได้พืชผลเกษตรกรของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี ที่แม้น้ำท่วมนาแล้งเจอภัยพิบัติแมลงศัตรูพืชก็ได้เงิน

ส่วน นายยิ้ม แพรทอง อายุ 62 ปี อยู่บ้านเลขที่ 84 บ้านปลายห้วย หมู่ 11 ต.เนินปอ อ.สามง่าม ทำนา 31 ไร่ ได้ข้าวเพียง 8 ตัน ข้าวมีความชื้น 32% เพราะต้องเกี่ยวข้าวกลางสายฝนหนีน้ำท่วมจึงได้ราคาตันละ 11,026 บาท แต่ก็พอใจกับราคาที่ได้รับ