ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - “ไห่ถาง” ทำเขื่อนขนาดใหญ่-กลางโคราชใกล้วิกฤตเร่งระบายน้ำ คาดฝนตกต่อเนื่องอีก 2 วันล้นทะลักแน่ ขณะเขื่อนพิมายพื้นที่รับน้ำสุดท้ายของโคราชเร่งผลักดันสิ่งปฏิกูลเปิดทางสะดวกระบายน้ำลง “แม่มูล” ด้าน “ปราสาทหินพิมาย” แหล่งท่องเที่ยวโบราณสถานสำคัญของไทย ระดมจนท. กรอกกระสอบทรายกว่า 3,000 ถุงทำแนวกำแพงกั้นป้องกันน้ำท่วมใหญ่ซ้ำรอยปีที่ผ่านมา
วันนี้ (28 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.นครราชสีมา ว่า หลังเกิดฝนตกหนักต่อเนื่องตั้งแต่เมื่อวานนี้ (27 ก.ย.) เป็นต้นมา จากอิทธิพลของพายุ “ไห่ถาง” อ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมภาคอีสานตอนล่าง และ จ.นครราชสีมา ส่งผลให้ปริมาณน้ำในเขื่อนหรืออ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ 4 โครงการ และอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ 18 แห่ง ของ จ.นครราชสีมาเพิ่มปริมาณสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องใกล้เข้าขั้นวิกฤต โดยเฉพาะเขื่อนลำพระเพลิง อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา ล่าสุดวันนี้มีปริมาณน้ำรวม 99.92 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 91.14 ของความจุที่ระดับกับเก็บ 110 ล้าน ลบ.ม. หากฝนตกต่อเนื่องอีก 1-2 วันคาดว่าน้ำจะล้นเขื่อนแน่นอน
ส่วนเขื่อนลำตะคอง อ.สีคิ้ว มีปริมาณน้ำรวม 294.89 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 93.77 ของความจุที่ระดับกักเก็บ 314 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งทั้ง 2 เขื่อนได้เร่งระบายน้ำลงใต้เขื่อนวันละ 2 ล้าน ลบ.ม. ส่งผลให้คลองส่งน้ำใต้เขื่อน มีน้ำเต็มคลองและเอ่อเข้าท่วมพื้นที่ลุ่มบางส่วนแล้ว
ขณะที่เขื่อนพิมาย อ.พิมาย จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นพื้นที่รับน้ำจากลำตะคอง อ.สีคิ้ว ผ่าน อ.เมือง และ แม่น้ำมูลจาก อ.ปักธงชัย จุดสุดท้ายของ จ.นครราชสีมา ก่อนไหลลงไปยัง จ.บุรีรัมย์ ได้ระดมเจ้าหน้าที่ช่วยกันผลักดันผักตบชวาและสิ่งปฏิกูลที่กีดขวางทางน้ำออกเพื่อเร่งระบายน้ำลงสู่แม่น้ำมูลอย่างรวดเร็ว โดยทางเขื่อนได้เปิดประตูระบายน้ำทั้ง 6 บาน ระบายน้ำอย่างต่อเนื่อง ส่วน “ไทรงาม” แหล่งท่องเที่ยวสำคัญของ อ.พิมาย จ.นครราชสีมา ตั้งอยู่ติดกับเขื่อนพิมาย น้ำในลำมูลได้ไหลเข้าท่วมทั้งหมดแล้ว นักท่องเที่ยวไม่สามารถลงไปท่องเที่ยวได้
ทางด้านอุทยานประวัติศาสตร์พิมาย อ.พิมาย จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นที่ตั้งของปราสาทหินพิมาย แหล่งท่องเที่ยวโบราณสถานที่สำคัญของไทย ได้ระดมเจ้าหน้าที่กรอกกระสอบทรายกว่า 3,000 ถุง เพื่อทำแนวกำแพงป้องกันน้ำท่วม โดยนายดุสิต ทุมมากรณ์ หัวหน้าอุทยานประวัติศาสตร์พิมาย กล่าวว่า ขณะนี้ทางอุทยานฯ อยู่ระหว่างการปรับปรุงซ่อมแซมกำแพงรอบปราสาทหินพิมายที่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมครั้งใหญ่เมื่อปีที่ผ่านมา
ล่าสุดมีความคืบหน้าไปแล้วประมาณ 20% แต่เนื่องจากในปีนี้หวั่นจะเกิดน้ำท่วมหนักอีก ทางสำนักศิลปากรที่ 12 นครราชสีมาได้กำชับให้ทางอุทยานฯ หาแนวทางป้องกันไม่ให้น้ำไหลเข้าท่วมตัวปราสาทอีก ซึ่งขณะนี้ทางอุทยานฯ ได้เตรียมความพร้อมทั้งเจ้าหน้าที่ เครื่องสูบน้ำ และ เร่งทำแนวกำแพงกระสอบทราย เพื่อไม่ให้น้ำจากแม่น้ำมูลไหลทะลักเข้าท่วมสร้างความเสียหายให้แก่ตัวปราสาทได้
