พิจิตร- สถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดพิจิตรเหลือจุดสุดท้าย บริเวณเขตเทศบาล ล่าสุดน้ำเริ่มไหลเข้าไปแล้ว หวั่งหากฝนตกลงมาอีกพิจิตรทั้งจังหวัดจมบาดาลแน่
วันนี้ (28 ก.ย.) ความคืบหน้าจากสถานการณ์น้ำท่วมในเขต จ.พิจิตร ขณะนี้น้ำยังคงท่วมสูงทั้งในเขตลุ่มน้ำน่านและลุ่มน้ำยมถนนที่ใช้สัญจรไปมาเข้าสู่เขตเทศบาลเมืองพิจิตร และในตัวเมืองเกือบทุกเส้นทางถูกน้ำท่วมตัดขาด ยังคงเหลือเพียงทางหลวงหมายเลข117พิษณุโลก-พิจิตร-นครสวรรค์ แยกเข้าทางหลวง 115 สี่แยกปลวกสูง-สามง่าม -พิจิตร เส้นทางเดียวเท่านั้นที่จะเข้าสู่เมืองพิจิตรได้ นอกนั้นถูกน้ำท่วมหมดแล้ว รวมถึงรางรถไฟก็ถูกน้ำท่วมทำให้รถไฟสายเหนือที่ผ่านจ.พิจิตร ต้องหยุดวิ่งด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ น้ำจากแม่น้ำน่านที่ไหลเข้าท่วม ต.ปากทาง ต.ป่ามะคาบ ต.ท่าหลวง ซึ่งล้วนอยู่รอบเทศบาลเมืองพิจิตรน้ำก็ไหลบ่าเข้ามายังพื้นที่ผืนสุดท้าย คือ ในเขตเทศบาลเมืองพิจิตรแล้ว โดยล่าสุดน้ำได้เข้าท่วมตลาดราชรถ ซึ่งอยู่ทางด้านทิศเหนือของเทศบาลเมืองพิจิตร และน้ำก็กำลังจะไหลบ่าที่อาจเข้าท่วมวิทยาลัยเทคนิคพิจิตร โรงเรียนพิจิตรพิทยาคม สนามกีฬาจังหวัดพิจิตร ที่เพิ่งทำการสร้างเสร็จมูลค่าเกือบ 200 ล้านบาท
ล่าสุด เทศบาลเมืองพิจิตร และ นายชาติชาย เจียมศรีพงษ์ นายก อบจ.พิจิตร ได้ระดมคนงานเร่งนำกระสอบทรายก่อกั้นเป็นแนวกั้นน้ำเพื่อรักษาพื้นที่เศรษฐกิจและสถานที่ราชการดังกล่าวไว้แล้วแต่ถ้ามีฝนตกซ้ำลงมา ก็คงยากที่จะรอดพ้นจากการถูกน้ำท่วมใหญ่ในเขตชุมชนเมืองอย่างแน่นอน
สาเหตุเป็นเพราะขณะนี้น้ำในแม่น้ำน่านก็เอ่อล้นตลิ่งสูงกว่า 1 เมตร ตลอดแนวลำน้ำ ดังนั้น จึงเป็นการยากที่จะป้องกัน เพราะ จ.พิจิตร มี 888 หมู่บ้าน ขณะนี้ถูกน้ำท่วมไปแล้ว 761 หมู่บ้าน ไม่เว้นแม้แต่บ้านวัดเขารูปช้าง ซึ่งเป็นพื้นที่สูงแต่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำน่านก็ยังถูกน้ำท่วมด้วยเช่นกันรวมถึงเขตเทศบาลตะพานหิน และ รพ.ยุพราช ตะพานหิน รวมถึงอีกหลายชุมชนของอ.ตะพานหินก็ถูกน้ำท่วมมองเวิ้งว้างกลายเป็นทะเลสาบน้ำจืดแทบหมดทั้งเมืองแล้ว
นายอนันต์ กิตติรัตนวศิน นายอำเภอโพทะเล เปิดเผยว่า ขณะนี้น้ำในแม่น้ำยมได้เอ่อล้นตลิ่งสูงกว่า 1 เมตร อีกทั้งน้ำป่าจากจ.กำแพงเพชร ได้ไหลมาสมทบส่งผลให้ขณะนี้ตลาดโพทะเลที่เป็นย่านธุรกิจและที่อยู่อาศัยจำนวนกว่า 1,200 หลังคาเรือน ต้องถูกน้ำท่วมและถนนสายโพทะเล-บางมูลนากบริเวณหน้าตลาดสดถูกน้ำท่วม
แนวทางการแก้ไข นายชาติชาย เจียมศรีพงษ์ นายก อบจ.พิจิตร ได้นำทรายและกระสอบทรายและได้เกณฑ์ชาวบ้านกว่า 200 คน ให้ช่วยกันทำเป็นแนวพนังกั้นน้ำ ทั้งนี้เพื่อให้ถนนและโรงเรียนรอดพ้นจากน้ำท่วมเพื่อลดผลกระทบ แต่ปรากฏว่า ชาวบ้านก็ได้แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มโดยอีกกลุ่มหนึ่งก็จะให้กั้นแต่อีกกลุ่มหนึ่ง ก็จะให้เดือดร้อนเหมือนๆ กันจึงไม่ยอมให้กั้นเพราะเกรงว่าน้ำจะไหลเข้าท่วมบ้านของตนเองจึงทำให้เกิดการถกเถียงกันและหาข้อยุติไม่ได้
จนในที่สุด นายชาติชาย เจียมศรีพงษ์ นายก อบจ.พิจิตร และ นายสุกิจ พรธาดาวิทย์ ประธานสภา อบจ.พิจิตร พร้อมทั้ง นายอนันต์ กิตติรัตนวศิน นายอำเภอโพทะเล ต้องยอมเดินลุยน้ำไปยกมือไหว้เจรจาขอความเห็นใจจากชาวบ้านกลุ่มน้อยที่อาจได้รับผลกระทบ ว่าขอให้เสียสละและเห็นใจชาวบ้านกลุ่มใหญ่ ซึ่งต้องใช้วาทะศิลป์และความจริงใจเข้าเจรจาจนในที่สุดก็ใจอ่อนยอมให้ดำเนินการกั้นกระสอบทราย เพื่อป้องกันแนวถนนให้ใช้สัญจรไปมาได้