พิจิตร - น้ำยังท่วมหนักเส้นทางคมนาคมเข้า-ออกเมืองชาละวัน เหลือเพียงทางหลวง 117 ทางเดียวแล้ว ส่วนสายอื่นเจอน้ำท่วมเป็นช่วงๆ รถผ่านไม่ได้แล้ว ด้านชาวบ้านพบป้ายทะเบียนรถหลุดลอยน้ำทุกวัน เก็บเรียงไว้ตรงเสาเครื่องกั้นทางรถไฟ ประกาศหาเจ้าของ
ความคืบหน้าสถานการณ์น้ำท่วมพื้นที่จังหวัดพิจิตร ที่ล่าสุดเจอน้ำท่วมแล้ว 12 อำเภอ 79 ตำบล 644 หมู่บ้าน หรือมากกว่า 75% ของพื้นที่ได้ถูกน้ำท่วมสูงเกือบ 2 เมตร เดือดร้อนหนักเกือบทั่วทุกหัวระแหง ล่าสุดถนนที่เชื่อมต่อเข้าจังหวัดพิจิตรเกือบทุกเส้นทางไม่สามารถสัญจรผ่านได้แล้ว
โดยเส้นทางสากเหล็ก-พิจิตร บริเวณทางแยกเข้าสถานีรถไฟเชิงสะพานขาวน้ำท่วมสูงเกือบ 1 เมตร , เส้นทางท่าฬ่อ-พิจิตรที่มาจาก อ.บางกระทุ่ม เพื่อเข้าพิจิตร ถนนก็ถูกน้ำท่วม ,ถนนตะพานหิน-พิจิตร บริเวณบ้านวังไร่ ต.ดงป่าคำ น้ำท่วมถนนสูงกว่า 1 เมตร เป็นระยะทาง 5 กม.รถทุกชนิดวิ่งผ่านไม่ได้, ถนนสายหนองหัวปลวก-วังจิก บริเวณคอสะพานข้ามแม่น้ำยมหน้าป้อมตำรวจวังจิก น้ำท่วมถนนขาด อีกทั้งถนนดงเสือเหลือง-ไผ่ท่าโพ ที่แยกมาจากทางหลวงหมายเลข117 เข้า อ.โพธิ์ประทับช้าง เพื่อมุ่งหน้าเข้าพิจิตรถนน ก็ถูกน้ำท่วมสูง รวมถึงรางรถไฟก็ถูกน้ำท่วมด้วยเช่นกัน
ดังนั้น ทุกเส้นทางที่จะเข้าพิจิตรได้ถูกน้ำท่วมหมดแล้ว ยกเว้นถนนจากทางหลวง 117 นครสวรรค์-พิจิตร-พิษณุโลก แยกเข้าสี่แยกปลวกสูงเข้ามาทาง อ.สามง่าม เป็นเส้นทางเดียวที่จะเข้าสู่ จ.พิจิตร ได้
ล่าสุดในพื้นที่เขต อ.เมือง จ.พิจิตร ซึ่งถือว่าเป็นพื้นที่ที่สูงที่สุดก็ถูกน้ำท่วมแล้ว 15 ตำบล 97 หมู่บ้าน เหลือเพียงเขตตลาดสดเทศบาลเมืองพิจิตร ที่ยังคงรักษาสถานการณ์ไว้ได้ แต่ถ้ามีฝนตกลงมาสูบระบายน้ำออกไม่ทัน น้ำก็จะเอ่อล้นท่วมถนนศรีมาลา ซึ่งเป็นที่ตั้งของย่านธุรกิจ รวมถึงถนนบึงสีไฟ ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงเรียนอนุบาล-โรงพยาบาลพิจิตร รวมถึงสถานที่ส่วนราชการก็พลอยถูกน้ำท่วมไปด้วย
ขณะที่จุดที่ถูกน้ำท่วมที่บริเวณทางข้ามรางรถไฟทางหลวงหมายเลข 115 พิจิตร-สากเหล็ก บริเวณสามแยกเข้าสู่สถานีรถไฟน้ำท่วมสูงเกือบ 1 เมตร ทำให้เกิดธุรกิจรถอีโก้งที่เป็นรถใช้เพื่อการเกษตรแต่ดัดแปลงออกมารับจ้างบรรทุกจักรยานยนต์ข้ามจุดที่ถูกน้ำท่วม ซึ่งในแต่ละวันก็มีผู้ที่รักรถมอเตอร์ไซค์ไม่ยอมเอารถลุยน้ำ ยอมจ่าย 10 บาท ยกรถใส่รถอีโก้ง ทำให้เดือดร้อนกันทั่วหน้า
ส่วนบรรดารถเก๋ง รถกระบะ ทั้งของคนพิจิตรและคนต่างจังหวัดที่ต้องเดินทางต่างยอมเสี่ยงขับรถลุยน้ำที่ไหลพัดแรง ส่งผลให้ป้ายทะเบียนรถหลุดลอยไปกับสายน้ำเป็นจำนวนนับร้อยคัน
โดยนางวิลัย เสือมั่น อายุ 54 ปี อยู่บ้านเลขที่ 42 ถนนปากทาง อ.เมือง จ.พิจิตร ซึ่งขายไส้กรอกย่าง อยู่ตรงบริเวณนั้นคู่กับเจ๊รินขายไก่ย่าง เปิดเผยว่า เจอป้ายทะเบียนรถหลุดลอยน้ำทุกวัน จึงช่วยกันเก็บแล้วเอามาเรียงไว้ตรงเสาเครื่องกั้นทางรถไฟและขอประกาศให้ใครที่รู้ตัวว่าเคยขับรถลุยน้ำในจุดดังกล่าวแล้วป้ายทะเบียนหลุดหายให้มารับคืนโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย
