พระนครศรีอยุธยา - เผยน้ำเหนือเจ้าพระยาทะลักท่วมทุ่งนาปรังนับแสนไร่ 5 อำเภอของพระนครศรีออยุธยา-สระบุรี จ่อจมน้ำทั้งหมด ชาวนาเริ่มทำใจถ่ายรูปทำประวัติแจ้งนาเสียหายขอเงินชดเชยแล้ว เหตุกั้นน้ำยากเป็นทุ่งใหญ่น้ำทะลักเข้าทุกด้าน จนยากแก่การป้องกัน
นายทองหยอด ศิรินาค อายุ 57 ปี ชาวนา ต.พระนอน อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า ตนทำนาปรังกว่า 11 ไร่ เหลืออีกไม่เกิน 10 วันก็จะทำการเกี่ยวข้าวได้แล้ว แต่ก็ต้องปล่อยทิ้งอย่างน่าเสียดายเมื่อน้ำจำนวนมากทะลักเข้าท่วม ซึ่งเหลืออีกเพียงไม่กี่วันเท่านั้นตนก็จะได้กำเงินแสนเพื่อไปใช้หนี้สิน และพอเหลือเก็บไว้ช้างบ้าง แต่พอเจอน้ำท่วมหนักอย่างนี้เงินแสนที่ตนคาดว่าจะได้รับกลับสูญหายไปในพริบตา
นายทองหยอด บอกด้วยว่า นาที่เห็นเป็นทุ่งใหญ่สุดตาทั้งหมดรวมเนื้อที่แล้วเป็นแสนไร่อยู่ในเขต 5 อำเภอ 2 จังหวัด ประกอบด้วย อำเภอนครหลวง บางปะหัน มหาราช และอำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และอำเภอดอนพุด จังหวัดสระบุรี น้ำเหนือที่ไหลบ่าลงมาทะลักเข้าท่วมทุ่งนาใหญ่หลายด้าน โดยน้ำจากแม่น้ำลพบุรี ได้ไหลเข้าท่วมทางอำเภอดอนพุด จังหวัดสระบุรี แล้วไหลเข้าทุงมหาราช ออกทุ่งท่าเรือ มาท่วมที่ทุ่งนครหลวง ส่วนหนึ่งยังถูกน้ำจากคลองชัยนาท ป่าสัก ไหลเข้าท่วมอีก ระดับน้ำในนาข้าวขณะนี้สูงเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 80-100 เซนติเมตร รถเกี่ยวข้าวไม่สามารถลงไปเกี่ยวข้าวได้ และที่สำคัญน้ำที่ท่วมทำให้โคนต้นข้าวเริ่มเน่าหมดทั้งทุ่ง
นายทองหยอด กล่าวต่ออีกว่า น้ำเริ่มทะลักเข้าท่วมได้ไม่นานต้นข้าวกำลังออกรวงแต่ละแปลงเหลืออีกไม่เกิน 10-20 วัน ก็สามารถเกี่ยวได้แล้ว เหตุที่ไม่สามารถป้องกันไม่ให้น้ำไหลเข้าท่วมเป็นไปอย่างยากลำบาก เนื่องจากเป็นทุ่งขนาดใหญ่ ชาวนาแถบอำเภอนครหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้ทำคันป้องกันน้ำที่จะไหลมาทางคลองชลประทานไปแล้ว แต่จุดอื่นไม่มีการป้องกันและน้ำมาเร็วจึงไหลทะลักเข้าท่วมเต็มพื้นที่
“ขณะนี้ชาวนาทั้งหมดทำได้เพียงเข้าไปถ่ายภาพทำประวัติแปลงนาทุกแปลง เพื่อขอรับเงินชดเชยจากทางรัฐบาลไร่ละ 2,222 บาทเท่านั้น ซึ่งเงินจำนวนดังกล่าวม่คุ้มกับตันทุนเลย และยังไม่ทราบว่าในฤดูทำนาครั้งต่อไปพวกเราจะนำเงินที่ไหนมาทำนาต่อ” นายทองหยอด กล่าว
นายทองหยอด ศิรินาค อายุ 57 ปี ชาวนา ต.พระนอน อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า ตนทำนาปรังกว่า 11 ไร่ เหลืออีกไม่เกิน 10 วันก็จะทำการเกี่ยวข้าวได้แล้ว แต่ก็ต้องปล่อยทิ้งอย่างน่าเสียดายเมื่อน้ำจำนวนมากทะลักเข้าท่วม ซึ่งเหลืออีกเพียงไม่กี่วันเท่านั้นตนก็จะได้กำเงินแสนเพื่อไปใช้หนี้สิน และพอเหลือเก็บไว้ช้างบ้าง แต่พอเจอน้ำท่วมหนักอย่างนี้เงินแสนที่ตนคาดว่าจะได้รับกลับสูญหายไปในพริบตา
นายทองหยอด บอกด้วยว่า นาที่เห็นเป็นทุ่งใหญ่สุดตาทั้งหมดรวมเนื้อที่แล้วเป็นแสนไร่อยู่ในเขต 5 อำเภอ 2 จังหวัด ประกอบด้วย อำเภอนครหลวง บางปะหัน มหาราช และอำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และอำเภอดอนพุด จังหวัดสระบุรี น้ำเหนือที่ไหลบ่าลงมาทะลักเข้าท่วมทุ่งนาใหญ่หลายด้าน โดยน้ำจากแม่น้ำลพบุรี ได้ไหลเข้าท่วมทางอำเภอดอนพุด จังหวัดสระบุรี แล้วไหลเข้าทุงมหาราช ออกทุ่งท่าเรือ มาท่วมที่ทุ่งนครหลวง ส่วนหนึ่งยังถูกน้ำจากคลองชัยนาท ป่าสัก ไหลเข้าท่วมอีก ระดับน้ำในนาข้าวขณะนี้สูงเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 80-100 เซนติเมตร รถเกี่ยวข้าวไม่สามารถลงไปเกี่ยวข้าวได้ และที่สำคัญน้ำที่ท่วมทำให้โคนต้นข้าวเริ่มเน่าหมดทั้งทุ่ง
นายทองหยอด กล่าวต่ออีกว่า น้ำเริ่มทะลักเข้าท่วมได้ไม่นานต้นข้าวกำลังออกรวงแต่ละแปลงเหลืออีกไม่เกิน 10-20 วัน ก็สามารถเกี่ยวได้แล้ว เหตุที่ไม่สามารถป้องกันไม่ให้น้ำไหลเข้าท่วมเป็นไปอย่างยากลำบาก เนื่องจากเป็นทุ่งขนาดใหญ่ ชาวนาแถบอำเภอนครหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้ทำคันป้องกันน้ำที่จะไหลมาทางคลองชลประทานไปแล้ว แต่จุดอื่นไม่มีการป้องกันและน้ำมาเร็วจึงไหลทะลักเข้าท่วมเต็มพื้นที่
“ขณะนี้ชาวนาทั้งหมดทำได้เพียงเข้าไปถ่ายภาพทำประวัติแปลงนาทุกแปลง เพื่อขอรับเงินชดเชยจากทางรัฐบาลไร่ละ 2,222 บาทเท่านั้น ซึ่งเงินจำนวนดังกล่าวม่คุ้มกับตันทุนเลย และยังไม่ทราบว่าในฤดูทำนาครั้งต่อไปพวกเราจะนำเงินที่ไหนมาทำนาต่อ” นายทองหยอด กล่าว