ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ตำรวจภูธรภาค 5 โชว์ผลงาน ประสานเจ้าหน้าที่พม่าขยายผลจับกุมเครือข่ายค้ายาเสพติดข้ามชาติรายใหญ่ ยึดของกลางหลายรายการ ทั้งหอพัก ที่ดิน ทองรูปพรรณ และทรัพย์สินอีกจำนวนมากในพื้นที่จังหวัดเชียงราย มูลค่ารวมนับร้อยล้านบาท แย้มเตรียมจับเพิ่มอีก
วันนี้ (20 ก.ย.) ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 พลตำรวจโท ชัยยะ ศิริอัมพันธ์กุล ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 แถลงผลการจับกุมผู้ต้องหาและของกลางคดียาเสพติดรายใหญ่ ซึ่งเป็นผลมาจากการประสานงานระหว่างผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติพม่า และหน่วยปราบปรามยาเสพติดพม่ากับตำรวจภูธรภาค 5 รวมทั้งสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติดภาค 5
ทั้งนี้ สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 8 ก.ย.54 เจ้าหน้าที่ปราบปรามยาเสพติดพม่า ได้ทำการตรวจค้นจับกุมผู้ต้องหาในฝั่งจังหวัดท่าขี้เหล็ก ประเทศพม่า โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 4 คน ประกอบด้วย นางอ่องยิน ไม่มีนามสกุล อายุ 40 ปี นายฟู ไม่มีนามสกุล อายุ 30 ปี นายศักดิ์ ไม่มีนามสกุล อายุ 57 ปี และนางนิด ไม่มีนามสกุล อายุ 34 ปี ทั้งหมดเชื้อชาติไทยใหญ่ และมีที่อยู่ในจังหวัดท่าขี้เหล็ก
ยึดของกลางได้หลายรายการ ได้แก่ 1.ยาบ้าประมาณ 149,000 เม็ด 2.ผงยาบ้าและเมทแอมเฟตามีนไฮโดรคลอไรด์ หรือยาไอซ์ น้ำหนักรวมประมาณ 8,560 กรัม 3.ผงกาเฟอีน จำนวนรวมทั้งสิ้นประมาณ 554 กิโลกรัม 4.ซูโดเฟดรีน จำนวน 1 ห่อ น้ำหนักประมาณ 4 กิโลกรัม 5.อีไตบันนริน จำนวน 20 ห่อ น้ำหนักรวมประมาณ 10 กิโลกรัม 6.เครื่องปั๊มเม็ดยา น้ำยาย้อมสีส้ม-น้ำตาล น้ำหนักประมาณ 22.1 กิโลกรัม พร้อมชิ้นส่วนอุปกรณ์ผลิต 7.เครื่องปั่นไฟ 2 เครื่อง 8.อาวุธปืนเล็กยาว 4 กระบอก 9.อาวุธปืนสั้น 2 กระบอก 10.กระสุนปืนขนาดต่างๆ รวม 342 นัด 11.อุปกรณ์เก็บเสียงปืน 5 อัน 12.รถยนต์ 12 คัน และรถจักรยานยนต์ 14 คัน และ 13.เงินสดสกุลไทยจำนวนประมาณ 25.8 ล้านบาท
ต่อมาเจ้าหน้าที่พม่าได้ประสานมายังเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทย ว่า ผู้ต้องหาดังกล่าวมีเครือข่ายอยู่ในฝั่งไทย จึงได้ร่วมกันสืบสวนขยายผล จนทราบว่าผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมมีทรัพย์สินและเครือข่ายที่เกี่ยวข้องอยู่ในพื้นที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย และในวันนี้ (20 ก.ย.) เวลาประมาณ 06.30 น.จึงได้นำหมายศาลจังหวัดเชียงรายเข้าทำการตรวจค้นบ้านเลขที่ 986 หมู่ 13 ตำบลแม่สาย อำเภอแม่สาย ซึ่งเป็นบ้านของนายทองดี หรือ จง กันทะวงค์ และนางปราเนียน วัยก๋า ผลการตรวจค้นพบยาบ้าจำนวนประมาณ 10,000 เม็ด และทรัพย์สินอื่นๆ อีกหลายรายการ
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจค้นบ้านบุคคลในเครือข่ายที่เกี่ยวข้องรวม 14 เป้าหมาย ผลการตรวจค้นสามารถตรวจยึดทรัพย์ได้จำนวนมาก ประกอบด้วย 1.อาคารหอพัก “ฟูลเฮ้าส์” สูง 3 ชั้น ห้องพัก 80 ห้อง พร้อมที่ดิน 5 ไร่ ตั้งอยู่ตำบลท่าสุด อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย มูลค่าประมาณ 30 ล้านบาท 2.บ้านพักปูนชั้นเดียว ราคาประมาณ 5 ล้านบาท 3.รถยนต์ 5 คัน ราคาประมาณ 3 ล้านบาท
4.ทองรูปพรรณและเครื่องประดับ รวมมูลค่าประมาณ 3 ล้านบาท 5.อาวุธปืนพกสั้น จำนวน 2 กระบอก ราคาประมาณ 600,000 บาท 6.เงินสด 220,000 บาท พร้อมทรัพย์สินอื่นๆ รวมมูลค่าประมาณ 40,000 บาท รวมมูลค่าทรัพย์สินเครือข่ายยาเสพติดรายนี้เฉพาะฝั่งไทยประมาณ 41 ล้านบาท
ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 กล่าวว่า การจับกุมเครือข่ายค้ายาเสพติดข้ามชาติรายนี้ ถือเป็นผลงานที่เกิดจากความร่วมมือเป็นอย่างดีของเจ้าหน้าที่ทั้งฝ่ายไทยและพม่า โดยเครือข่ายค้ายาเสพติดที่ถูกจับกุมได้ในครั้งนี้นับเป็นเครือข่ายใหญ่เครือข่ายหนึ่ง
นอกจากการตรวจยึดจับกุมในครั้งนี้แล้ว เจ้าหน้าที่กำลังดำเนินการสืบสวนสอบสวนขยายผลจับกุม และตรวจยึดทรัพย์สินบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายนี้อีกด้วย ขณะเดียวกันเผยว่าเครือข่ายที่ถูกจับกุมในครั้งนี้ ไม่ได้เป็นเพียงเครือข่ายเดียวที่เจ้าหน้าที่ไทยและพม่า ได้ร่วมมือกันดำเนินการกวาดล้างจับกุม แต่ยังมีเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่รายอื่นๆ อีกที่กำลังดำเนินการอยู่ ซึ่งเบื้องต้นยังไม่ขอเปิดเผยข้อมูลในเวลานี้
สำหรับความเข้มข้นในการปราบปรามยาเสพติดของเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 5 พลตำรวจโทชัยยะ กล่าวว่า การปราบปรามยาเสพติดเป็นนโยบายที่รัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรีและผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก และเน้นย้ำกำชับให้มีการดำเนินการอย่างเข้มงวด
ที่ผ่านมา ตำรวจภูธรภาค 5 ได้มีการดำเนินการในส่วนนี้อย่างเข้มงวดอยู่แล้ว และจะยิ่งเพิ่มความเข้มข้นในการปฏิบัติหน้าที่มากขึ้นกว่าเดิมด้วย เชื่อว่าจะทำให้เห็นผลในการปราบปรามยาเสพติดอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้นตามลำดับ
ขณะเดียวกัน พลตำรวจโท ชัยยะ กล่าวถึงแหล่งผลิตยาเสพติด ว่า ปัจจุบันจากข้อมูลทางการข่าวพบว่าแหล่งผลิตยังคงอยู่ในฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน อย่างไรก็ตาม เนื่องจากสภาพพื้นที่ตามแนวชายแดนที่เป็นป่าเขา จึงมีความเป็นไปได้เช่นกันที่กลุ่มนักค้ายาเสพติดอาจจะลักลอบเข้ามาตั้งแหล่งผลิตอยู่ตามแนวตะเข็บชายแดนฝั่งไทย ดังนั้น เจ้าหน้าที่จึงไม่สามารถประมาทได้และต้องมีการตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง