ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - โฆษกกองทัพภาค 2 เผย “มทภ.2” สั่งตรวจสอบแก๊งลอบตัดไม้พะยูงติดต่อจ่ายส่วย 15 ล้านให้ทหารแลกเปิด “ช่องอานม้า” ในพื้นที่ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ลั่นหากพบมีส่วนเกี่ยวข้อง รวมทั้งบุกรุกทำลาย ลอบตัดไม้ และทำสิ่งผิดกม.อื่นๆ ต้องถูกดำเนินการอย่างเฉียบขาดไม่มีละเว้น พร้อมสั่งผู้บังคับบัญชาทุกหน่วยดูแลกำลังพลให้ดีอย่าแตกแถว ย้ำที่ผ่านมา“ทภ. 2” ร่วมมือหน่วยงานเกี่ยวข้องปราบกลุ่มลักลอบตัดไม้พะยูงเพื่อรักษาผืนป่ามาอย่างต่อเนื่อง
วันนี้ (14 ก.ย.) เมื่อเวลา 14.00 น. ที่ศูนย์ประชาสัมพันธ์ ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 (ทภ.2) ค่ายสุรนารี อ.เมือง จ.นครราชสีมา พ.อ.ประวิทย์ หูแก้ว รองเสนาธิการกองทัพภาคที่ 2 ในฐานะโฆษกกองทัพภาคที่ 2 เปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน กรณีมีข่าวขบวนการลักลอบตัดไม้พะยูง ติดต่อจ่ายส่วย 15 ล้านบาท ให้กำลังพลของกองทัพภาคที่ 2 ในพื้นที่อำเภอน้ำยืน จ.อุบลราชธานี แลกกับการเปิดช่องอาม้า เพื่อขนไม้พะยูง ว่า เป็นเพียงรายงานข่าวผ่านทางสื่อมวลชนเท่านั้น ข้อเท็จจริงยังไม่ทราบ เรื่องนี้ พล.ท. ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 (มทภ.2) ได้สั่งการให้มีการติดตามและสืบหาข่าว เพื่อทราบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นว่าเป็นมาอย่างไร และได้สั่งการให้ผู้บังคับบัญชาทหารในทุกระดับเน้นย้ำกับกำลังพลในความดูแลห้ามมีพฤติกรรมเช่นนั้นเด็ดขาด
หากพบผู้ใดเข้าไปเกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นเรื่องการบุกรุกทำลายป่า ,การลักลอบตัดไม้พะยูง หรือ กระทำสิ่งผิดกฎหมายอื่นๆ จะต้องได้รับการลงโทษทางวินัยอย่างเฉียบขาด ไม่มีการละเว้น ไม่ว่ากรณีใด ๆ ทั้งสิ้น
“ขณะนี้ทางกองทัพภาคที่ 2 อยู่ระหว่างการดำเนินการสืบสวนหาข่าวทางลับอยู่ว่ามีการกระทำผิดดังกล่าวเกิดขึ้นหรือไม่ ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ขอเวลาในการสอบสวนหาข้อเท็จจริงก่อน ทั้งนี้ยืนยันว่าหากผลการสืบสวนพบว่ามีกำลังพลของกองทัพภาคที่ 2 เกี่ยวข้องในเรื่องนี้จริงก็จะถูกลงโทษขั้นสูงสุด ไม่มีการยกเว้น รวมถึงสืบสาวเพื่อหาตัวผู้กระทำความผิดให้ได้ทั้งกระบวนการด้วย” พ.อ.ประวิทย์ กล่าว
พ.อ.ประวิทย์ กล่าวอีก ว่า การรักษาทรัพยากรธรรมชาติและป่าไม้ถือเป็นนโยบายหลักที่ผู้บัญชาการทหารบกได้มอบไว้อย่างชัดเจน โดยกองทัพบกจะต้องร่วมมือกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ช่วยกันรักษาป่าไม้เอาไว้ให้ได้ โดยเฉพาะไม้ที่มีมูลค่าและเป็นที่ต้องการของตลาดมืด เช่นไม้พะยูง ขณะนี้กองทัพภาคที่ 2 ได้มอบหมายให้หน่วยทหารในพื้นที่ทุกหน่วย โดยเฉพาะหน่วยทหารที่ประจำอยู่ตามแนวชายแดน 2 หน่วยหลักคือ กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่ภาคอีสานตอนบน และกองกำลังสุรนารี ที่รับผิดชอบพื้นที่ภาคอีสานตอนล่างเฝ้าติดตามและปราบปรามกลุ่มลักลอบตัดไม้อย่างเด็ดขาด
โดยในพื้นที่รับผิดชอบของกองกำลังสุรศักดิ์มนตรี ได้มีการจับกุมผู้ลักลอบตัดไม้พะยูงมาอย่างต่อเนื่อง อาทิ ในพื้นที่ภูผายน จ.มุกดาหาร ซึ่งผลการจับกุมครั้งนั้นทางกองกำลังสุรศักดิ์มนตรี ได้จัดกำลังพลเข้าสนธิกับ กำลังเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้อง ออกลาดตระเวนทั้งทางอากาศและทางบก พร้อมจัดตั้งจุดตรวจ จุดสกัดอย่างเข้มงวด ซึ่งได้ผลเป็นที่น่าพอใจและสามารถจับกุมผู้กระทำผิดมาลงโทษได้แล้วจำนวนมาก
ส่วนในพื้นที่รับผิดชอบของกองกำลังสุรนารี ในพื้นที่ภาคอีสานตอนล่างนั้น มีกำลังพลในสังกัดออกปฏิบัติการร่วมกับทางหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ และมีการตั้งศูนย์อำนวยการร่วมกัน จัดชุดออกลาดตระเวรร่วมกัน ซึ่งการทำงานในช่วงที่ผ่านมาได้ผลเป็นอย่างดี และสามารถจับกุมผู้กระทำผิดได้เป็นจำนวนมาก ทั้งในพื้นที่ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี , อ.สังขะ และ อ.บัวเชด จ.สุรินทร์ เฉพาะช่วงเดือนก.ย.จนถึงปัจจุบันนี้ สามารถจับกุมผู้กระทำความผิดได้แล้วร่วม 10 คดี สามารถยึดของกลางเป็นไม้พะยูงรวม 61 ท่อน ได้ผู้ต้องหารวม 8 คน เป็นชาวไทย 1 คน ส่วนที่เหลือเป็นชาวกัมพูชาทั้งหมด ซึ่งผลการปฏิบัติงานที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าการดำเนินการจัดการกับกลุ่มลักลอบตัดไม้ในพื้นที่ ภาคอีสานนั้นเข้มงวดเป็นอย่างมาก