จันทบุรี - เกิดฝนตกหนักนานหลายชั่วโมงส่งผลให้ถนนสายหลักในตัวเมืองจันทบุรีมีน้ำท่วมสูง 50-60 ซม. ขณะที่บ้านเรือนของชาวบ้านที่อาศัยอยู่ริมถนนถูกน้ำท่วมเจ้าหน้าที่กู้ภัยต้องช่วยกันขนย้ายสิ่งของไว้ในที่สูง และระดับน้ำส่งผลให้แม่น้ำจันทบุรี ต้องมีการปรับเปลี่ยนธงสีเขียวเป็นสีเหลืองแล้ว
วันนี้ (11 ก.ย.) เวลา 00.30 น.ได้เกิดฝนตกหนักนานหลายชั่วโมงติดต่อกัน ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมถนนสายหลักในตัวเมืองจันทบุรีหลายสาย ประกอบด้วย ถนนสายทุ่งดอนแดง ถนนสายพระยาตรัง ถนนสายหน้าศาลากลางจังหวัดจันทบุรี และถนนสายรักษ์ศักดิ์ชมูล ระดับน้ำสูง 50-60 เซนติเมตร ทำให้การสัญจรผ่านไปมาของผู้ใช้รถใช้ถนนเป็นไปด้วยความยากลำบาก รถเล็กไม่สามารถสัญจรผ่านไปมาได้ รวมทั้งมีรถยนต์ถูกน้ำท่วมจอดเสียหลายคัน เจ้าหน้าที่อาสาหน่วยกู้ภัยสมาคมสว่างกตัญญูธรรมสถานจันทบุรีต้องช่วย กันเข็นรถที่เสียออกเพื่อไม่ให้เกิดการจราจรติดขัด
พร้อมกันนี้ เจ้าหน้าที่อาสาหน่วยกู้ภัยสมาคมสว่างกตัญญูธรรมสถานจันทบุรียังได้จัดเจ้าหน้าที่ออกมาช่วยในการอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้รถใช้ถนนในยามค่ำคืนอีกด้วย นอกจากนี้ระดับน้ำที่ท่วมสูงถนนสายหลักในตัวเมืองจันทบุรียังส่งผลกระทบไปสู่บ้านเรือนของชาวบ้านที่อาศัยอยู่สองริมฝั่งถนนทำให้มีน้ำท่วมเข้าบ้านจำนวนหลายหลังคาเรือน
เจ้าหน้าที่อาสาหน่วยกู้ภัย สมาคมสว่างกตัญญูธรรมสถานจันทบุรี ต้องเข้าไปช่วยเหลือชาวบ้านยกสิ่งของไว้ในที่สูง เพื่อป้องกันน้ำท่วมทรัพย์สินเสียหาย ขณะที่ปริมาณฝนยังคงตกหนักต่อเนื่องตลอดทั้งวัน และยังส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำจันทบุรีมีปริมาณน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และไหลเชี่ยวกราก เจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดจันทบุรีต้องมีการนำธงสีเหลืองมาปักบนสะพานแทนธงสีเขียวแล้ว เพื่อเตือนให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ริมสองฝั่งแม่น้ำจันทบุรีเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์น้ำท่วมในระยะนี้เอาไว้ให้พร้อม และให้มีการเตรียมพร้อมขนย้ายสิ่งของไว้ในที่สูงได้แล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ตกอยู่นี้ก็อาจจะทำให้ปริมาณน้ำในแม่น้ำจันทบุรีเพิ่มสูงขึ้นได้อีกและอาจจะต้องมีการเปลี่ยนธงสีแดงก็เป็นได้ พร้อมกันนี้จุดวัดน้ำ 4 จุดหลักของจังหวัดจันทบุรีก็มีปริมาณน้ำเพิ่มสูงขึ้นแล้วเช่นกัน เนื่องจากฝนที่ตกหนักนั้นตกในพื้นที่ต้นน้ำ คือ อำเภอเขาคิชฌกูฏ และอำเภอมะขาม จังหวัดจันทบุรี ประกอบกับมีน้ำป่าจากเทือกเขาสระบาปไหลลงมาสมทบทำให้ปริมาณน้ำทั้ง 4 จุดหลักเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในเบื้องต้นในพื้นที่ ตำบลมาบไพ อำเภอมะขาม มีน้ำท่วมบ้านเรือนของชาวบ้านแล้วกว่า 50 หลังคาเรือน และพื้นที่อำเภอขลุงกว่า 200 หลังคาเรือน รวมทั้งสวนผลไม้กว่า 300 ไร่ได้รับความเสียหาย
วันนี้ (11 ก.ย.) เวลา 00.30 น.ได้เกิดฝนตกหนักนานหลายชั่วโมงติดต่อกัน ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมถนนสายหลักในตัวเมืองจันทบุรีหลายสาย ประกอบด้วย ถนนสายทุ่งดอนแดง ถนนสายพระยาตรัง ถนนสายหน้าศาลากลางจังหวัดจันทบุรี และถนนสายรักษ์ศักดิ์ชมูล ระดับน้ำสูง 50-60 เซนติเมตร ทำให้การสัญจรผ่านไปมาของผู้ใช้รถใช้ถนนเป็นไปด้วยความยากลำบาก รถเล็กไม่สามารถสัญจรผ่านไปมาได้ รวมทั้งมีรถยนต์ถูกน้ำท่วมจอดเสียหลายคัน เจ้าหน้าที่อาสาหน่วยกู้ภัยสมาคมสว่างกตัญญูธรรมสถานจันทบุรีต้องช่วย กันเข็นรถที่เสียออกเพื่อไม่ให้เกิดการจราจรติดขัด
พร้อมกันนี้ เจ้าหน้าที่อาสาหน่วยกู้ภัยสมาคมสว่างกตัญญูธรรมสถานจันทบุรียังได้จัดเจ้าหน้าที่ออกมาช่วยในการอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้รถใช้ถนนในยามค่ำคืนอีกด้วย นอกจากนี้ระดับน้ำที่ท่วมสูงถนนสายหลักในตัวเมืองจันทบุรียังส่งผลกระทบไปสู่บ้านเรือนของชาวบ้านที่อาศัยอยู่สองริมฝั่งถนนทำให้มีน้ำท่วมเข้าบ้านจำนวนหลายหลังคาเรือน
เจ้าหน้าที่อาสาหน่วยกู้ภัย สมาคมสว่างกตัญญูธรรมสถานจันทบุรี ต้องเข้าไปช่วยเหลือชาวบ้านยกสิ่งของไว้ในที่สูง เพื่อป้องกันน้ำท่วมทรัพย์สินเสียหาย ขณะที่ปริมาณฝนยังคงตกหนักต่อเนื่องตลอดทั้งวัน และยังส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำจันทบุรีมีปริมาณน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และไหลเชี่ยวกราก เจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดจันทบุรีต้องมีการนำธงสีเหลืองมาปักบนสะพานแทนธงสีเขียวแล้ว เพื่อเตือนให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ริมสองฝั่งแม่น้ำจันทบุรีเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์น้ำท่วมในระยะนี้เอาไว้ให้พร้อม และให้มีการเตรียมพร้อมขนย้ายสิ่งของไว้ในที่สูงได้แล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ตกอยู่นี้ก็อาจจะทำให้ปริมาณน้ำในแม่น้ำจันทบุรีเพิ่มสูงขึ้นได้อีกและอาจจะต้องมีการเปลี่ยนธงสีแดงก็เป็นได้ พร้อมกันนี้จุดวัดน้ำ 4 จุดหลักของจังหวัดจันทบุรีก็มีปริมาณน้ำเพิ่มสูงขึ้นแล้วเช่นกัน เนื่องจากฝนที่ตกหนักนั้นตกในพื้นที่ต้นน้ำ คือ อำเภอเขาคิชฌกูฏ และอำเภอมะขาม จังหวัดจันทบุรี ประกอบกับมีน้ำป่าจากเทือกเขาสระบาปไหลลงมาสมทบทำให้ปริมาณน้ำทั้ง 4 จุดหลักเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในเบื้องต้นในพื้นที่ ตำบลมาบไพ อำเภอมะขาม มีน้ำท่วมบ้านเรือนของชาวบ้านแล้วกว่า 50 หลังคาเรือน และพื้นที่อำเภอขลุงกว่า 200 หลังคาเรือน รวมทั้งสวนผลไม้กว่า 300 ไร่ได้รับความเสียหาย