ศูนย์ข่าวศรีราชา - น้ำเหนือที่ไหลผ่านเส้นทางระบายน้ำ เลี่ยงจากเมืองกรุง ได้ทะลักเข้าท่วมบ้านเรือน ไร่นาพืชเกษตรและบ่อเลี้ยงปลาของชาวบ้านในพื้นที่เมืองแปดริ้วแล้ว ขณะที่สภาพฝนในพื้นที่ยังคงตกหนักต่อเนื่อง ด้านชาวบ้านพร้อมตั้งท่ารอรับมือและเร่งทำสะพานทางเดินข้ามน้ำที่ไหลบ่าเข้าสู่บ้านเรือน
นางสายหยุด ทับศรี อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 13/3 หมู่10 ตำบลคลองหลวงแพ่ง อำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา กล่าวว่า ขณะนี้น้ำในลำคลองหลวงแพ่งได้เอ่อทะลักเข้ามาท่วมบ้านเรือนพักประชาชน ตั้งแต่ช่วงค่ำของคืนที่ผ่านมา( 9 ก.ย.) จนชาวบ้านต้องช่วยกันขนข้าวของหนีน้ำไปไว้ยังชั้นบนของตัวบ้าน ขณะที่ในพื้นที่ก็ยังคงมีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง
โดยชาวบ้านได้ช่วยกันนำกระสอบทราย และอิฐบล็อก มาก่อเป็นแนวเขื่อนกั้น ป้องกันไม่ให้น้ำไหลเข้าท่วมอีก ส่วนบางรายที่ไม่ได้เตรียมการไว้ก่อนใช้วิธีทำสะพานทางเดินภายในบ้าน ซึ่งล่าสุดพบว่าน้ำที่ไหลเข้ามาท่วมในพื้นที่เมืองแปดริ้ว ยังนำโรคน้ำกัดเท้ามาด้วย ทำให้ชาวบ้านหลายราย เริ่มมีอาการคันจนเป็นผื่นแดง
นางสายหยุด ยังกล่าวอีกว่า น้ำได้ไหลบ่าเข้าท่วมบ้านเรือนของชาวบ้าน และบ่อเลี้ยงปลาที่เลี้ยงไว้จนได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก โดยปลาที่เคยเลี้ยงไว้ภายในบ่อนับแสนตัว บนเนื้อที่กว่า 15 ไร่ ต่างพากันหนีหลุดออกไปจากบ่อ หายไปกับกระแสน้ำจนหมด ซึ่งตนเชื่อว่าเป็นน้ำที่ถูกระบายลงมาจากพื้นที่ภาคเหนือ เนื่องจากลำคลองหลวงแพ่ง เป็นเส้นทางการระบายน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาท เพื่อเลี่ยงผันน้ำไม่ให้ไหลเข้าสู่กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นไปตามระบบการส่งน้ำของกรมชลประทาน ซึ่งกำหนดให้น้ำผ่านคลองระพีพัฒน์ คลองพระองค์ไชยยานุชิต ก่อนจะถูกสูบทิ้งลงสู่ทะเลไ ที่สถานีสูบน้ำคลองด่าน อำเภอบางบ่อ จังหวัด.สมุทรปราการ
ทั้งนี้ในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ยังคงมีฝนตกอย่างต่อเนื่อง และตกติดต่อกันมาหลายวันแล้ว จนทำให้ปริมาณน้ำเพิ่มสูงขึ้น และไหลเข้าท่วมบ้านเรือนของชาวบ้านและบ่อปลา