กรมชลฯ เตือนภาคกลางรับผลกระทบการระบายน้ำเพิ่ม

กรมชลประทาน ได้ประกาศเตือนให้ประชาชนเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เนื่องจากในช่วงนี้จะมีฝนตกหนักต่อเนื่อง ส่งผลให้ต้องมีการระบายน้ำเพิ่มเติมจากพื้นที่ตอนบนของประเทศ ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อพื้นที่ภาคกลาง โดยเฉพาะจังหวัดในเขตลุ่มน้ำเจ้าพระยา สำหรับการประเมินมวลน้ำและปริมาณน้ำนั้น จำเป็นต้องประเมินสถานการณ์วันต่อวัน แต่น่าจะสามารถสรุปสถานการณ์ปริมาณน้ำได้ ภายใน 7 วัน คาดว่าปีนี้ปริมาณน้ำอาจมากที่สุดในรอบ 5 ปี นับตั้งแต่ปี 2549
ส่วนสถานการณ์การผันน้ำในขณะนี้ ที่เขื่อนเจ้าพระยา จะมีการระบายน้ำ 1,931 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งขอให้ประชาชนระมัดระวังสถานการณ์น้ำแต่อย่าตื่นตระหนก เพราะเชื่อว่าเขื่อนเจ้าพระยายังสามารถรองรับน้ำได้อีก
ขณะที่พื้นที่กรุงเทพมหานคร จุดรับน้ำต่อเนื่องในลุ่มน้ำภาคกลาง ทางกรุงเทพมหานครได้ยืนยันมาโดยตลอดว่า น่าจะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ แม้จะมีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นในระยะนี้ โดยวันนี้สำนักการระบายน้ำ กรุงเทพมหานคร จะลงพื้นที่ตรวจประตูระบายน้ำคลองซุง ใกล้ชุมชนวัดสร้อยทอง เชิงสะพานพระราม 7 ซึ่งชุมชนที่อยู่ติดกับ แม่น้ำเจ้าพระยา และมีบ้านเรือนอยู่เป็นจำนวนมาก และเป็นพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วมบ่อยครั้ง เนื่องจากอยู่นอกเขตคันกั้นน้ำ แต่จากการได้ทำประตูระบายน้ำขึ้นมา สามารถลดผลกระทบของปริมาณน้ำที่จะไหลเข้าท่วมเส้นทางสัญจรได้อย่างมีประสิทธิภาพในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ส่วนชาวบ้านนอกคันกั้นน้ำนั้น กรุงเทพมหานคร ยืนยันว่า จะให้การดูแลอย่างดีที่สุด