เมืองพัทยาเปิดเวทีแสดงความเห็น “โครงการถมทะเล” นัดสุดท้าย

ศูนย์ข่าวศรีราชา- เมืองพัทยา ประชุมร่วมกลุ่มผู้มีส่วนได้เสียโครงการถมทะเลนัดสุดท้าย พร้อมเปิดข้อมูลแผนแม่บทศึกษาอย่างรัดกุม เตรียมสรุปนำเสนอ สผ.เพื่อพิจารณาเห็นชอบ

วันนี้ (8 ก.ย.) ที่ศาลาว่าการเมืองพัทยา จ.ชลบุรี นายอิทธิพล คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา เป็นประ ธานการประชุมร่วมกับตัวแทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมเจ้าท่า ส่วนราชการ คณะผู้บริหาร สมา ชิกสภาเมืองพัทยา รวมทั้งผู้มีส่วนได้เสียในโครงการถมทะเลชายหาดเมืองพัทยา ประกอบด้วย ตัวแทนภาคเอกชน ธุรกิจท่องเที่ยว ผู้ประกอบการ ผู้นำชุมชน และประชาชนในพื้นที่

ทั้งนี้ เพื่อร่วมรับฟังการบรรยายสรุปผลการศึกษาและวางแผนแม่บทในโครงการดังกล่าว จากสถาบันวิจัยทางน้ำ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ได้รับการว่าจ้างให้เข้ามาทำการศึกษาและวางแผนการฟื้นฟูบูรณะชายหาดเมืองพัทยาอย่างเป็นรูปธรรม

ที่ผ่านมา ชายหาดเมืองพัทยาประสบกับปัญหาการกัดเซาะอย่างรุนแรง จนส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวเป็นอย่างมากในปัจจุบันและอนาคต โดยการประชุมดังกล่าวจะถือเป็นการระดมความคิดเห็นจากประชาชนและองค์กรภาคต่างๆ เป็นนัดสุดท้าย ก่อนที่จะมีการประชุมเพื่อสรุปรวบรวมปัญหาอีกครั้ง จากนั้นจะนำเสนอต่อคณะกรรมการสำนักงานนโยบายและแผนสิ่งแวดล้อม (สผ.) เพื่อขอรับความเห็นชอบต่อไป

ศ.ดร.ธนวัฒน์ จารุพงษ์สกุล หัวหน้าโครงการวิจัย เปิดเผยว่า หลังได้รับมอบหมายจากกรมเจ้าท่าก็ได้จัดแบ่งทีมทำงานออกเป็นหลายชุด เพื่อศึกษาวิเคราะห์ผลกระทบที่เกิดขึ้นอย่างครอบคลุมตามหลักวิชาการ เพื่อใช้เป็นหลักฐานอ้างอิงให้เห็นถึงสภาพที่เกิดขึ้นจริง

ผลจากการศึกษาพบว่าแต่เดิมชาย หาดพัทยามีเนื้อที่รวมกว่า 60 ไร่ มีขนาดความกว้างของชาย หาดถึง 35 เมตร ขณะที่ในปี 2554 นี้ ชายหาดพัทยามีเนื้อที่เหลือเพียง 8.5 ไร่ ขณะที่ความกว้างเหลือเพียง 3.5-5 เมตรเท่านั้น จึงได้ทำการเสนอทางเลือกไว้ในแผนแม่บทในการแก้ไขปัญหาด้วยกันถมทรายไว้ 4 วิธี

จากการประชุมร่วมในหลายภาคส่วนที่แนวคิดที่จะจัดทำให้แบบที่ 2 คือ การนำทรายจำนวน 3.5 แสน ลบ.ม.ขึ้นมาเติมชายหาดในระยะ 35 เมตร โดยจะมีการนำถุงทรายมากันแนวไว้ในระยะ 15 เมตรจากแนวฝั่ง ซึ่งวิธีนี้ชายหาดจะถูกน้ำกัดเซาะในอัตรา 1.8 เมตรต่อปี และจะต้องนำทรายมาเติมใหม่ในปีที่ 14 จำนวน 2.6 แสน ลบ.ม.หลังจากที่น้ำกัดเซาะชายหาดจนถึงแนวถุงทราย โดยวิธีนี้จะใช้งบประมาณ 323.73 ล้านบาท

ศ.ดร.ธนวัฒน์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับขั้นตอนของถมทราย จะเริ่มตั้งแต่การปรับพื้นที่ชายหาดในการรองรับในเวลา 60 วัน จากนั้นจะทำการนำทรายมาจากปากแม่น้ำระยอง ซึ่งพบว่ามีความเหมาะสมทั้งความละเอียด สภาพใกล้เคียงกับพัทยา และมีฝุ่นดินเจือปนเพียง 5 % ขนมาทางเรือมาทิ้งไว้บริเวณหน้าอ่าวพัทยาช่วงแยกพัทยากลางห่างจากฝั่งประมาณ 700 เมตร ในที่พักทราย ซึ่งจะสร้างเป็นกระชังในทะเลขนาด 400x400 เมตร ที่มีมีถุงผ้าหรือ Silk certain ปิดกั้นไว้เพื่อป้องกันฝุ่นละออง โดยจะใช้เวลาขนถ่ายประมาณ 2 เดือน จากนั้นจึงจะทำการใช้เรือดูดทรายมาทำการดูดทรายจากที่เก็บมาพ่นบนชายหาด

การดำเนินการจะเริ่มจากบริเวณช่วงกลางหาดขยายไปทางหัว-ท้ายความยาวคราวละ 100 เมตร พร้อมนำกระสอบทรายมาทำสันเขื่อนและพ่นทราย ปรับระดับจนได้ความกว้าง 35 เมตร ซึ่งในช่วงหนึ่งนั้นจะใช้เวลาประมาณ 10 วัน และจะดำเนินการไปเรื่อยจนคลุมพื้นที่ทั้งหมดในระยะความยาว 2.7 กิโลเมตร ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 8 เดือนด้วยกัน

ด้านนายอิทธิพล คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา กล่าวว่า สิ่งหนึ่งที่ต้องทำการหารือร่วมกันคือการป้องกันฝุ่นละอองจากการดูดและพ่นทรายบนชายหาด ซึ่งอาจทำให้ไม่สามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้ แต่จากผลการศึกษานั้นพบว่าทรายจากปากน้ำระยองมีความละเอียดและมีดินเจือปนน้อย อีกทั้งมีถุงผ้าพิเศษกรองฝุ่นละออง จึงไม่ทำให้สภาพนน้ำขุ่นมากนัก

ขณะที่การทำงานก็จะทำไปทีละช่วงและใช้เวลาไม่มากนัก ซึ่งคงสามารถทำให้ผู้ประกอบการสามารถทำกินได้ อย่างไรก็ตาม จากนี้คงจะนำแผนดังกล่าวพร้อมข้อเสนอแนะของผู้เกี่ยวข้องมาทำการปรับแก้อีกครั้ง ก่อนสรุปเพื่อเสนอต่อ สผ.ในการพิจารณา และขออนุมัติงบประมาณในการจัดทำโดยเร็วที่สุด