พระนครศรีอยุธยา - เจ้าท่าภูมิภาค สาขาพระนครศรีอยุธยา แจ้งเตือนเรือข้ามฟากแม่น้ำเจ้าพระยา ระวังอันตรายในการเดินเรือข้ามฟาก เนื่องจากมีกระแสน้ำค่อนข้างแรง จนอาจทำให้เกิดเรือพลิกคว่ำ
วันนี้ (7 ก.ย.) เวลา 06.00 น.น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา เขต อ.พระนครศรีอยุธยา ได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากเขื่อนเจ้าพระยา ระบายน้ำ2,543 ลบ.ม./วินาที ซึ่งมวลน้ำก้อนดังกล่าว จะมาถึงจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ในอีก 2 วันข้างหน้า และประมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาที่สูงขึ้นแบบนี้ ยังเป็นอุปสรรค สำหรับการเดินเรือข้ามฟากในแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณหน้าวัดขุนพรหม เนื่องจากช่วงดังกล่าวลำน้ำเจ้าพระยาแคบ เมื่อน้ำมีจำนวนมากจึงเกิดกระแสน้ำที่ค่อนข้างไหลแรง
ทั้งนี้ คนขับเรือข้ามฟากจะต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษในช่วงน้ำท่วม เพราะนอกจากจะมีคลื่นที่เกิดการจากการเดินเรือขนาดใหญ่ ผ่านเส้นทางดังกล่าวแล้วการเดินเรือในทางตรงอาจทำให้เกิดอันตราย ซึ่งคนขับเรือจะต้องขับเรือสวนขึ้นไปเหนือน้ำประมาณ 500 เมตร หลังจากนั้นจึงค่อยๆปล่อยให้เรือไหลข้ามฟาก ซึ่งจะพอดีกับกระแสน้ำที่ไหลส่งให้เรือไปถึงโป๊ะ รับ-ส่งชาวบ้านพอดี ส่วนที่โป๊ะข้ามฟากริมแม่น้ำเจ้าพระยานั้นยังมีการห้ามคนลงมาในโป๊ะเกินอัตราที่กำหนดไว้เพราะเกรงจะเกิดการล่ม
น.ท.รชต (ระ-ชะ-ตะ) ผกาฟุ้ง หัวหน้าสำนักงานเจ้าท่า สาขาภูมิภาคอยุธยา ออกประกาศเตือนชาวเรือเพิ่มเติม เรื่องการเดินเรือข้ามฟากในช่วงน้ำหลาก โดยกำชับให้เจ้าของเรือจะต้องมีเสื้อชูชีพให้กับประชาชนที่ใช้เรือข้ามฟากและจะต้องทำตามข้อกำหนดของกรมเจ้าท่าอย่างเคร่งครัด ซึ่งหากผู้ประกอบการรายใดฝ่าฝืนจะต้องถูกดำเนินคดีอาญาทันที
สำหรับท่าเรือข้ามฟากที่ยังคงเปิดให้บริการอยู่ในขณะนี้ คือ ท่าเรือวัดขุนพรหม ท่าเรือสถานีรถไฟอยุธยาและท่าเรือป้อมเพชร โดย 2 จุด คือ ท่าเรือป้อมเพชรและท่าเรือวัดขุนพรหม ถือว่าอันตรายที่สุด เนื่องจากมีกระแสน้ำค่อนข้างไหลแรง แต่ผู้ประกอบการยังดำเนินการต่อไป เพราะเป็นเส้นทางที่ใกล้ที่สุดของชาวบ้านในการเดินทางเข้ามายังเกาะเมืองอยุธยา
วันนี้ (7 ก.ย.) เวลา 06.00 น.น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา เขต อ.พระนครศรีอยุธยา ได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากเขื่อนเจ้าพระยา ระบายน้ำ2,543 ลบ.ม./วินาที ซึ่งมวลน้ำก้อนดังกล่าว จะมาถึงจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ในอีก 2 วันข้างหน้า และประมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาที่สูงขึ้นแบบนี้ ยังเป็นอุปสรรค สำหรับการเดินเรือข้ามฟากในแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณหน้าวัดขุนพรหม เนื่องจากช่วงดังกล่าวลำน้ำเจ้าพระยาแคบ เมื่อน้ำมีจำนวนมากจึงเกิดกระแสน้ำที่ค่อนข้างไหลแรง
ทั้งนี้ คนขับเรือข้ามฟากจะต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษในช่วงน้ำท่วม เพราะนอกจากจะมีคลื่นที่เกิดการจากการเดินเรือขนาดใหญ่ ผ่านเส้นทางดังกล่าวแล้วการเดินเรือในทางตรงอาจทำให้เกิดอันตราย ซึ่งคนขับเรือจะต้องขับเรือสวนขึ้นไปเหนือน้ำประมาณ 500 เมตร หลังจากนั้นจึงค่อยๆปล่อยให้เรือไหลข้ามฟาก ซึ่งจะพอดีกับกระแสน้ำที่ไหลส่งให้เรือไปถึงโป๊ะ รับ-ส่งชาวบ้านพอดี ส่วนที่โป๊ะข้ามฟากริมแม่น้ำเจ้าพระยานั้นยังมีการห้ามคนลงมาในโป๊ะเกินอัตราที่กำหนดไว้เพราะเกรงจะเกิดการล่ม
น.ท.รชต (ระ-ชะ-ตะ) ผกาฟุ้ง หัวหน้าสำนักงานเจ้าท่า สาขาภูมิภาคอยุธยา ออกประกาศเตือนชาวเรือเพิ่มเติม เรื่องการเดินเรือข้ามฟากในช่วงน้ำหลาก โดยกำชับให้เจ้าของเรือจะต้องมีเสื้อชูชีพให้กับประชาชนที่ใช้เรือข้ามฟากและจะต้องทำตามข้อกำหนดของกรมเจ้าท่าอย่างเคร่งครัด ซึ่งหากผู้ประกอบการรายใดฝ่าฝืนจะต้องถูกดำเนินคดีอาญาทันที
สำหรับท่าเรือข้ามฟากที่ยังคงเปิดให้บริการอยู่ในขณะนี้ คือ ท่าเรือวัดขุนพรหม ท่าเรือสถานีรถไฟอยุธยาและท่าเรือป้อมเพชร โดย 2 จุด คือ ท่าเรือป้อมเพชรและท่าเรือวัดขุนพรหม ถือว่าอันตรายที่สุด เนื่องจากมีกระแสน้ำค่อนข้างไหลแรง แต่ผู้ประกอบการยังดำเนินการต่อไป เพราะเป็นเส้นทางที่ใกล้ที่สุดของชาวบ้านในการเดินทางเข้ามายังเกาะเมืองอยุธยา
