พิจิตร - อดีต ส.อบจ.เมืองชาละวัน โวยถุงยังชีพแจกเหยื่อน้ำท่วมราคามาตรฐาน 500 บาทต่อถุง ด้อยคุณภาพ พบบรรจุเครื่องอุปโภค บริโภคจริงแค่ 300 บาท ที่เหลืออีก 200 บาท ไม่รู้หายไปไหน แถมข้าวเหม็นหืน-ขึ้นรา วอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแจกแจงรายละเอียด แปะชื่อคนทำประจาน
วันนี้ (7 ก.ย.) นายสุรกิจ เหลาหชัยอรุณ หรือ “ส.จ.หมูน้อย” อดีต ส.อบจ.เมืองพิจิตร เคยเป็นผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย พิจิตร เขต 1 เปิดเผยว่า จากสถานการณ์น้ำท่วม 12 อำเภอลุ่มน้ำน่านและลุ่มน้ำยมของ จ.พิจิตร ส่งผลให้ชาวบ้านเดือดร้อนกันทั่วหน้าและตนได้ลงพื้นที่รับเรื่องราวร้องทุกข์ของประชาชนที่ถูกน้ำท่วม รวมทั้งได้รับถุงยังชีพของทางราชการที่ส่วนใหญ่ ตั้งราคาซื้อเป็นมาตรฐาน ถุงละ 500 บาท แต่ความเป็นจริงที่ปรากฏและน่าจะส่อเค้าว่ามีการทุจริต
เพราะถุงยังชีพที่แจกบางแห่ง สิ่งของที่แจกนั้นมีปริมาณเพียงน้อยนิด แถมข้าวสารก็มีกลิ่นเหม็นหืน-บางถุงก็ขึ้นรา หุงไม่ขึ้นหม้อ ข้าวแข็งกินไม่อร่อย
นอกจากนี้ น้ำปลาบรรจุขวดที่แจกมาก็เป็นน้ำปลาที่ด้อยมาตรฐาน ซึ่งเป็นของถูก น่าจะเป็นน้ำปลาปรุงแต่ง คือ เป็นน้ำผสมเกลือเสียมากกว่าจะเป็นน้ำปลาที่มีคุณค่าทางอาหารจริงๆ ส่วนน้ำมันพืช ก็แจกขวดเล็กแค่ 1-2 ขวดเท่านั้น บะหมี่สำเร็จรูป ปลากระป๋อง และผักกาดกระป๋อง ก็มีเพียงแค่อย่างละ 4 ชิ้นเท่านั้น และมีเกลืออีก 1 ถุง
“ถ้าเอามานับรวมๆ คิดตามราคาท้องตลาดที่หาซื้อได้ทั่วไปจะมีมูลค่าแค่ 300 บาทเท่านั้น นั่นก็หมายความว่าหายไป 200 บาท หรือ 40% หากเป็นค่าบริหารจัดการ ถือว่าแพงเกินไป”
นายสุรกิจ บอกว่า ถ้าเป็นเช่นนี้แจกคูปอง 500 บาทแล้วให้ชาวบ้านที่เดือดร้อน หรือผู้นำชุมชนรวบรวมมาขึ้นสินค้าตามร้านค้า หรือห้างสรรพสินค้าใกล้บ้านดูจะได้ประโยชน์เต็มๆมากกว่า แต่ก็มีข้ออ้างว่าชาวบ้านเดือดร้อนเข้า-ออกหมู่บ้านลำบากจึงต้องทำถุงยังชีพนำไปแจกจ่ายกัน ซึ่งแท้ที่จริงแล้วน่าจะถามชาวบ้านโดยตรงว่า อยากได้อย่างไรกันแน่ ไม่ใช่เอาถุงยังชีพมาเป็นเครื่องมือหากินของหัวคะแนน หรือนักการเมืองท้องถิ่นบางคนที่ทำกันอยู่ทุกวันนี้
นายสุรกิจ กล่าวต่อว่า ตนอยากเรียกร้องส่วนราชการที่ใช้งบภาษีของราษฎรในการจัดทำถุงยังชีพให้เข้มงวดกับสิ่งของที่แจกบรรเทาความเดือดร้อนว่า ควรจะระบุให้ชัดเจนว่าในถุงยังชีพจะต้องบรรจุด้วยอะไรบ้าง มีจำนวนกี่ชิ้น มีปริมาณมีน้ำหนักเท่าไหร่ รวมถึงพิมพ์รายละเอียดใส่ลงไปในถุงให้ชาวบ้านรู้ถึงการดำเนินการที่โปร่งใส ตรวจสอบได้ อีกทั้งต้องใส่ชื่อที่อยู่ของผู้รับจ้างด้วย ถ้าสินค้ามีปัญหาจะได้ติดต่อแก้ไขกันได้ เพราะถุงยังชีพไม่ใช่ของลึกลับที่ซ่อนเร้นอย่างที่ทำกันอยู่ทุกวันนี้
รวมถึงวิงวอนผู้ประกอบการทำธุรกิจถุงยังชีพ ว่า ในช่วงนี้ชาวบ้านเดือดร้อนขอให้เอากำไรให้น้อยลงหน่อย ซึ่งถ้าทำได้ก็ถือเป็นการทำบุญมิใช่ส่วนราชการบางแห่งบางคนก็กินเปอร์เซ็นต์พ่อค้าก็กินกำไรจนถุงยังชีพกลายเป็นถุงเด็ดชีพชาวบ้านที่เดือดร้อนจากน้ำท่วมอยู่ในพิจิตรขณะนี้