xs
xsm
sm
md
lg

ซีพีเอฟเตรียมขยายผลโครงการเลี้้ยงไก่ไข่เพื่อผู้พิการ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - ซีพีเอฟ จับมือมูลนิธิพัฒนาชีวิตชนบทฯ ดันโครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่อพัฒนาศักยภาพผู้พิการสำเร็จ เตรียมขยายผลต่อ หวังสร้างแหล่งโปรตีนปูพื้นฐานอาชีพผู้ด้อยโอกาส

นายสุปรี เบ้าสิงห์สวย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ มูลนิธิพัฒนาชีวิตชนบท สนับสนุนโดยเครือเจริญโภคภัณฑ์ เปิดเผยว่า มูลนิธิฯ และ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ได้ร่วมกันเดินหน้าสนับสนุนการการเลี้ยงไก่ไข่ในโรงเรียนและศูนย์ฝึกวิชาชีพแก่ผู้พิการ ในโครงการ “เสริมสร้างศักยภาพของผู้พิการ” มาตั้งแต่ปีพ.ศ.2550 พบว่าโรงเรียนนำร่อง 4 แห่ง ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี

ล่าสุด วางแผนเตรียมขยายโครงการฯ ไปยังโรงเรียนและศูนย์ฝึกฯ แห่งอื่นๆ ที่มีอยู่ทั่วประเทศ เพื่อให้เป็นแหล่งเรียนรู้และฝึกฝนทักษะชีวิต และสร้างอาชีพแก่ผู้พิการและด้อยโอกาส ทั้งผู้ด้อยโอกาสทางการได้ยิน ทางการมองเห็น ศูนย์ปัญญานุกูล และศูนย์รับเลี้ยงเด็กยากไร้

มูลนิธิฯร่วมกับซีพีเอฟ ดำเนินโครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียน มาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลากว่า 20 ปี ในโรงเรียนกว่า 370 แห่งทั่วประเทศ ช่วยแก้ปัญหาภาวะทุพโภชนาการในเยาวชนร่วม 75,000 คน ทั้งยังเป็นการส่งเสริมกระบวนการเรียนการสอน และทำให้เกิดอาชีพการเกษตรที่มีคุณค่าในอนาคต

ขณะเดียวกัน ก็พบว่า ในประเทศไทยยังมีกลุ่มคนที่ด้อยโอกาสหากแต่มีศักยภาพ ซึ่งถือว่าเป็นผู้มีความสามารถพิเศษที่แตกต่างไปจากคนปกติ อยู่มากกว่า 1.3 ล้านคน ซึ่งมูลนิธิฯและซีพีเอฟให้ความสำคัญกับคนกลุ่มนี้และมองเห็นถึงศักยภาพที่มีในตัวของพวกเขา จึงได้ขยายความสำเร็จของโครงการเลี้ยงไก่ไข่ไปยังกลุ่มคนผู้พิการและด้อยโอกาส

โดยดำเนินโครงการ “เสริมสร้างศักยภาพของผู้พิการ” เพื่อให้สามารถทำกิจกรรมต่างๆ เช่นเดียวกับคนปกติ ด้วยการฝึกให้ทดลองเลี้ยงไก่ไข่ ซึ่งเป็นการฝึกทักษะชีวิต ทักษะอาชีพ ให้กับ 1.ศูนย์ฝึกวิชาชีพคนตาบอด โรงเรียนสอนคนตาบอดภาคเหนือ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ จ.เชียงใหม่ 2.โรงเรียนโสตศึกษาจังหวัดนครปฐม 3.โรงเรียนนครสวรรค์ปัญญานุกูล จ.นครสวรรค์ และ 4.ศูนย์เรียนรู้และพัฒนะทักษะผู้รับบริการ จ.สระบุรี ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง มูลนิธิฯซีพีเอฟ ศูนย์พัฒนาและฝึกอบรมคนพิการแห่งเอเชียและแปซิฟิก (ศพอ.) และหน่วยราชการ ตลอดจนโรงเรียนหรือสถาบันสำหรับผู้พิการต่างๆ

นายสุปรี กล่าวอีกว่า ยกตัวอย่าง ศูนย์ฝึกวิชาชีพคนตาบอด โรงเรียนสอนคนตาบอดภาคเหนือ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ จ.เชียงใหม่ สังกัดสำนักงานบริหารการศึกษาพิเศษ ถือเป็นโรงเรียนนำร่อง ที่ดำเนินโครงการมาตั้งแต่ปีพ.ศ.2550

ก่อนหน้านี้ ที่ศูนย์ฝึกมีกิจกรรมเกษตรอันหลากหลาย เช่น เลี้ยงหมู เลี้ยงปลา ปลูกพืชผัก ไม้ผล แต่อาชีพเหล่านี้มีผลผลิตและรายได้ไม่ชัดเจน จึงเริ่มสนับสนุนโครงการเลี้ยงไก่ไข่ ด้วยการก่อสร้างโรงเรือน ติดตั้งอุปกรณ์มาตรฐานสำหรับการเลี้ยง รวมทั้งพันธุ์สัตว์และอาหารสัตว์รุ่นแรก ตลอดจนสอนหลักวิชาการด้านการเลี้ยงไก่ไข่ที่ถูกต้อง รวมทั้งสอนการตลาดและการทำบัญชี

จากการเลี้ยงไก่ไข่ 250 ตัวในรุ่นแรก ก็ขยายกิจการเพิ่มเป็น 360 ตัวในรุ่นที่ 2 และรุ่นที่ 3 ขยายเป็น 400 ตัว กระทั่งเป็น 460 ตัวในปัจจุบัน ทำให้สามารถผลิตไข่ไก่เป็นอาหารแก่นักเรียนทุกคนซึ่งส่วนใหญ่อยู่ประจำที่โรงเรียน นอกจากนี้ ยังมีผลผลิตเหลือสำหรับจำหน่ายให้กับชุมชนรอบข้าง เกิดเป็นรายได้สะสมเป็นกองทุนในโครงการมากกว่า 3 แสนบาทใน 3 รุ่นที่ผ่านมา

“คำถามที่ทุกคนมักจะถามเกี่ยวกับโครงการนี้คือ ผู้พิการเหล่านี้จะสามารถเลี้ยงไก่ไข่ได้หรือ แต่ตลอดระยะเวลาร่วม 4 ปีที่ผ่านมาพวกเขาพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า สามารถทำได้และประสบความสำเร็จ โดยผลิตไข่ไก่ได้สูงถึง 85-90% เป็นไปตามมาตรฐานของบริษัท ที่สำคัญยังสามารถร่วมกันทำงานเป็นทีม มีการแบ่งงานกันทำอย่างชัดเจน และแบ่งเวรกันดูแล

อย่างไรก็ตาม ในประเทศไทยยังมีโรงเรียนและศูนย์ฝึกวิชาชีพแก่ผู้พิการอีกเป็นจำนวนมาก เมื่อโครงการนำร่องสำเร็จเป็นที่น่าพอใจแล้ว ซีพีเอฟกับมูลนิธิฯ จึงได้วางแผนเตรียมขยายผลไปสู่ที่อื่นๆ ซึ่งปัจจุบันนี้ก็กำลังอยู่ในระหว่างการคัดเลือกสถานที่และเตรียมขยายโครงการต่อไป” นายสุปรี กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น