เชียงราย - ศาลฯเลื่อนอ่านคำพิพากษาคดี “พ.ต.ท.สันธนะ” พกปืนเข้าพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ - สภ.เชียงแสน หลังเจ้าตัวอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้น
วันนี้ (5 ก.ย.54) ศาล จ.เชียงราย ได้นัดพิจารณาคดีของ พ.ต.ท.สันธนะ ประยูรรัตน์ อายุ 52 ปี อดีตรอง ผกก.ตำรวจสันติบาล 2 บ้านเลขที่ 412/248 ถ.พหลโยธิน แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพฯ ใน 2 คดี โดยคดีแรกที่บัลลังก์ 8 เป็นการอุทธรณ์ของ พ.ต.ท.สันธนะ และพวกตามคดีเลขแดงที่ 3517/53 พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ ซึ่งได้เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 13 ก.ย.2552 เมื่อ พ.ต.ท.สันธนะ พร้อมพวกรวม 8 คน ถูกพนักงานสอบสวน สภ.เชียงแสน ดำเนินคดีข้อหาร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ร่วมกันพาอาวุธติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนและไม่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์
ทั้งนี้ เนื่องจากเจ้าหน้าที่พบของกลางเป็นอาวุธปืนพกสั้นขนาด .357 แมกนัม 3 กระบอก ปืนพกสั้นขนาด .38 จำนวน 1 กระบอก ปืนพกสั้นขนาด 11 ม.ม.จำนวน 1 กระบอก พร้อมกระสุนภายในรถยนต์รถโตโยต้า เอสติมา สีดำ หมายเลขทะเบียน ศก 4774 กรุงเทพฯ และรถเก๋งมิตซูบิชิ สีดำ หมายเลขทะเบียน ศม 7660 กรุงเทพฯ ของ พ.ต.ท.สันธนะ ขณะขับขี่เข้าไปยัง สภ.เชียงแสน ในวันเกิดเหตุและที่ผ่านมาศาลชั้นต้นเคยมีคำพิพากษาให้ พ.ต.ท.สันธนะ รับโทษจำคุกเป็นเวลา 3 ปี ส่วนที่เหลือให้จำคุกคนละ 6 ปี 6 เดือน ต่อมาได้มีการยื่นอุทธรณ์ดังกล่าว
นายปองศักดิ์ นันทะเสน ผู้พิพากษาศาลได้ขึ้นบังลังก์แจ้งว่า ศาลอุทธรณ์ภาค 5 อยู่ระหว่างพิจารณาจึงนัดให้ไปฟังคำพิพากษาอีกครั้งวันที่ 17 ต.ค.54นี้เวลา 09.00 น.ต่อไป แต่เนื่องจาก พ.ต.ท.สันธนะ ไม่ไปรายงานตัวครั้งก่อนจึงมีการออกหมายจับ กระทั่งวันที่ 10 ก.ค.2554 ได้ยื่นหลักฐานว่าป่วย ภายหลัง ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิจารณาเห็นว่าป่วยจริงจึงให้ยกเลิกหมายจับแต่ให้ปรับเป็นเงิน 10,000 บาท
อีกคดี พ.ต.ท.สันธนะ ได้เป็นฝ่ายฟ้อง พ.ต.ท.สุธรรม ชาติอาษา ซึ่งเป็น ผกก.สภ.เชียงแสน ในข้อหากระทำผิดต่อหน้าที่ ช่วงที่ตำรวจ ดำเนินคดีกับ พ.ต.ท.สันธนะ ในวันเกิดเหตุโดย พ.ต.ท.สันธนะ อ้างว่า ไม่เคยรู้จัก พ.ต.ท.สุธรรม มาก่อน แต่ถูกด่าด้วยคำหยาบ และผลักอก ก่อนจะถูกดำเนินคดีและเป็นเหตุให้ถูกคุมขังที่ สภ.เชียงแสน 2 คืน ที่ สภ.เมือง 1 คืน และเรือนจำกลางเชียงรายอีก 1 คืน
พ.ต.ท.สันธนะ กล่าวว่า คดีดังกล่าวตนยืนยันว่าไปทำงานทางการเมืองที่สามเหลี่ยมทองคำและขับรถจะไปแจ้งตำรวจที่ สภ.เชียงแสน แต่เมื่อตำรวจกลับมาค้นรถตนก็ยอมรับว่าเป็นปืนของตนและมีเอกสารใบอนุญาตทั้งหมดรวมทั้งเก็บเอาไว้ในรถเรียบร้อย ไม่ได้นำออกมาพกพาภายนอก แต่กลับถูกดำเนินคดี และพ่วงเอาคนที่ติดตามตนไปทำงานการเมืองดังกล่าวด้วย ทั้งๆ ที่เขาไม่ใช่เจ้าของปืน
ตนก็เคารพในคำพิพากษาของศาล แต่ก็สู้ตามกระบวนการยุติธรรม ขณะเดียวกันในวันพิพากษา ตนจะเชิญสมาคมผู้ค้าปืน หรือผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องไปฟังคำพิพากษาด้วย เพื่อให้ทราบเป็นบรรทัดฐานเดียวกัน
รายงานข่าวแจ้งอีกว่าวันเดียวกันได้มีข้าราชการหลายฝ่ายใน จ.เชียงราย เช่น พ.ต.อ.ยุทธชัย พัวประเสริฐ รอง ผบก.ภ.เชียงราย ฝ่ายปกครองอำเภอเมืองเชียงราย ฯลฯ ได้เข้าให้กำลังใจนายปองศักดิ์ หลังถูกร้องเรียนไปยังหัวหน้าผู้พิพากษาศาล จ.เชียงราย และศาลฎีกาในคดีดังกล่าว ซึ่งนายปองศักดิ์ ได้กล่าวขอบคุณข้าราชการทุกคนที่ไปให้กำลังใจ พร้อมยืนยันจะไม่มีอคติ ฟ้องร้อง ไม่กลัว โดยจะปฏิบัติตัวให้เป็นกลางตามพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ให้มีความเป็นกลางทั้งในและนอกศาล