อุตรดิตถ์ - คนเมืองลับแลจี้รัฐเร่งสร้างเขื่อนแก่งเสื้อเต้นแก้ปัญหาน้ำท่วม แนะ NGO ค้านควรมีทางออกให้บ้าง บอกชาวบ้านเจอน้ำท่วมซ้ำซากทุกปี วันนี้ทำมาหากินไม่ได้แล้ว ด้านผู้ว่าฯ ย้ำคนท้ายเขื่อนยังต้องระวังน้ำท่วมต่อเนื่อง
นายผจญ พูลด้วง นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) คอรุม อ.พิชัย จ.อุตรดิตถ์ กล่าวว่า จังหวัดลุ่มแม่น้ำยม โดยเฉพาะแพร่ สุโขทัย และอีกหลายจังหวัด รวมถึงอุตรดิตถ์ ที่แม้ไม่มีแม่น้ำยมไหลผ่าน แต่กลับได้รับผลกระทบด้วย เพราะโครงการผันน้ำยมลงแม่น้ำน่าน ซึ่งมีการการขุดคลองที่มีขนาดกว้างเหมือนกับแม่น้ำไหลผ่าน 3 ตำบลของ จ.อุตรดิตถ์ คือ ต.คอรุม ต.พญาแมน และ ต.ท่ามะเฟือง อ.พิชัย ปีนี้นาข้าวล่มจมเสียหาย 100% มากกว่า 40,000 ไร่ ได้รับค่าชดเชยไร่ละ 600 บาท ปัจจุบันไม่สามารถทำมาหากินได้เลย
“ทางเดียวที่จะแก้ไขปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากในพื้นที่เหล่านี้ คือ การสร้างเขื่อนแก่งเสื้อเต้น ต.สะเอียบ อ.สอง จ.แพร่ เท่านั้น”
แต่เรื่องนี้กลับไม่สามารถดำเนินการต่อได้ ทั้งที่มีการสำรวจจากหน่วยงานแล้ว เนื่องจากมีการคัดค้านจากกลุ่มชาวบ้าน และเอ็นจีโอ โดยการอ้างว่าทำลายสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะแหล่งต้นสักกว่า 20,000 ไร่ สัตว์ป่าหลายชนิดต้องสูญพันธุ์ ทั้งที่ทุกวันนี้ก็มีการลำลายป่าไม้ และล่าสัตว์ป่าอยู่แล้วทำไมไม่ต่อต้าน เมื่อต่อต้านควรหาทางออกหรือการแก้ปัญหาที่ดีให้กับหน่วยงานด้วย ไม่ควรค้านโดยไม่นึกถึงผลกระทบต่อสิ่งที่เกิดขึ้นกับประชาชนส่วนใหญ่ที่เดือดร้อน
ขณะที่ นายโยธินศร์ สมุทรคีรีจ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ ได้เรียกประชุมประเมินสถานการณ์ระดับน้ำแม่น้ำน่านของจังหวัดอุตรดิตถ์ พร้อมกับออกประกาศเตือนประชาชนที่มีบ้านเรือนใกล้กับแม่น้ำน่านโดยเฉพาะในที่ลุ่ม ให้ระวังและติดตามสถานการณ์ประกาศเตือนจากทางราชการอย่างใกล้ชิด ถึงแม้ว่าการระบายน้ำจากเขื่อนสิริกิติ์ยังคงปกติ แต่การคาดการณ์ย่อมความกดอากาศต่ำยังคงพาดผ่านโซนภาคเหนือตอนล่าง อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลันได้ทุกเมื่อ
ทั้งนี้ ภายหลังจากที่คณะกรรมการบริหารนโยบายน้ำได้สั่งให้เขื่อนสิริกิติ์ปล่อยน้ำลงสู่ท้ายเขื่อนในระดับปกติ คือ วันละประมาณ 65 ล้านลูกบาศก์เมตร เนื่องจากปริมานน้ำไหลเข้าเขื่อนอยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งฝนที่ตกเหนือเขื่อนที่จังหวัดน่านลดลง แต่อย่างไรก็ตาม เนื่องจากพื้นที่ท้ายเขื่อนได้ชุ่มน้ำอย่างเต็มที่แล้ว หากมีปริมาณฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องอีกระดับน้ำอาจเพิ่มสูงขึ้นได้
ขระที่ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ ได้สั่งการให้ตั้งศูนย์ปฏิบัติการติดตามสถานการณ์ระดับน้ำอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งมอบหมายให้รองผู้ว่าราชการจังหวัด หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายและเฝ้าระวังโดยเฉพาะในพื้นที่ที่เสี่ยง ได้แก่ อำเภอเมือง พิชัย และตรอน การคาดการณ์ และสถานการณ์นั้นได้เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา หากสถานการณ์ยังคงเป็นเช่นนี้คาดว่าจะรอดพ้นวิกฤตไปได้