เลย - ดีเอสไอสรุปความคืบหน้าสำนวนสอบคดีโกงแชร์ลูกโซ่ลอตเตอรี่ พบหลักฐานโยงตัวบุคคลชัดเจน เตรียมออกหมายจับเพิ่ม พร้อมตัวการใหญ่อาทิตย์หน้า เผยผู้เสียหายบางส่วนยังไม่ยอมแจ้งความร้องทุกข์ เพราะถูกหัวหน้าสายขู่ ซ้ำอ้างจะได้เงินคืน
พ.อ.ปิยะวัฒน์ กิ่งเกตุ ผู้บัญชาการสำนักคดีทรัพย์สินทางปัญญา กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้แถลงความคืบหน้าคดีแชร์ลอตเตอรี่ที่ จ.เลย ว่า ถือเป็นคดีใหญ่คดีหนึ่ง กระทบต่อเศรษฐกิจ ของจังหวัดเลย นับพันล้านบาท ภายหลัง ดีเอสไอได้เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ในคดีนี้ 15 วันที่ผ่านมา สอบสวนหาข้อมูลจากฝ่ายต่างๆ จำนวนมาก มีการสอบถึงนิติบุคคลทางสัญญาเกี่ยวข้องทั้งหมด หากพบหลักฐานพยานชัดเจนจะดำเนินคดีกับทุกคน และพร้อมเข้าดำเนินการจับกุม ได้ใน 2 สัปดาห์หลังจากนี้ไป
ส่วนกรรมการสหกรณ์ ทั้งหมดนั้น ทางตำรวจก็ร่วมทำการสอบสวนจะแล้วเสร็จภายในเดือนนี้ ซึ่งจะสามารถเชื่อมโยงกับบุคคลใดบ้างและเกี่ยวข้องกับบุคคลที่ออกหมายจับไปแล้วอย่างๆไรหรือไม่ และขณะนี้พบว่ามีผู้เสียหาย กว่า 800 คนมูลค่าความเสี่ยหายมากกว่า 1,000 ล้านบาท แต่ยังมีกลุ่มของผู้เสียหายอีกจำนวนหนึ่งนับพันคน ที่ยังไม่มาพบเจ้าหน้าที่
ส่วนใหญ่อยู่ที่ อ.วังสะพุง และ อ.หนองหิน จ.เลย เนื่องจากมีหัวหน้าสายไปขู่ห้ามไม่ให้มาแจ้งความร้องทุกข์ อ้างให้รอไปก่อนเพราะจะจ่ายเงินคืนให้
ซึ่งทางดีเอสไอ จะมีหมายเรียกไปให้ปากคำที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ กรุงเทพฯต่อไป สำหรับการสืบสวนเชิงลึกทราบว่า เส้นทางของเงินที่โกงไปนั้นขณะนี้ถูกถอนไปเกือบหมดแล้ว และได้ข้อมูลจากผู้เสียหายอีกว่า มีการเคลื่อนย้ายแปรสภาพ ไปซื้อทรัพย์สินด้วย ทั้งบ้าน ที่ดิน และรถยนต์ จะสอบสวนให้เสร็จภายใน สิ้นเดือน ส.ค.2554 นี้ และจะทำกากรอายัดทรัพย์เหล่านี้ต่อไป
“ตอนนี้ทราบว่ามีบางคนที่เกี่ยวข้องกับคดีโกงแชร์ลอตเตอรี่ได้เดินทางออกนอกประเทศไปแล้ว แต่ส่วนใหญ่ยังอยู่ภายในจังหวัดเลยและต่างจังหวัด อาทิตย์หน้า ทางดีเอสไอ จะออกหมายจับเพิ่มเติม รวมถึงการออกหมายจับตัวการใหญ่ด้วย”
พ.อ.ปิยะวัฒน์ ระบุว่า ในด้านฐานความผิดของคดีดังกล่าวบัญญัติไว้ตามพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินการฉ้อโกงประชาชนปี 2527 ในมาตรา 4, 5, 42 ระวางโทษไว้จำคุก 5-10 ปีปรับ 500,000-1,000,000 บาท มีการปรับวันละ 10,000 บาท นับแต่วันเวลาที่มีการฝ่าฝืนจนกระทั่งหยุดดำเนินการ นอกจากนั้นก็ยังมีความผิดตามกฎหมายอาญาฐานฉ้อโกงประชาชนตาม มาตรา 343 ดังนั้น เมื่อยื่นฟ้องไปแล้วผู้พิพากษาจะลงโทษหนัก คือ ระวางโทษ 5-10 ปี
พ.อ.ปิยะวัฒน์ กิ่งเกตุ ผู้บัญชาการสำนักคดีทรัพย์สินทางปัญญา กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้แถลงความคืบหน้าคดีแชร์ลอตเตอรี่ที่ จ.เลย ว่า ถือเป็นคดีใหญ่คดีหนึ่ง กระทบต่อเศรษฐกิจ ของจังหวัดเลย นับพันล้านบาท ภายหลัง ดีเอสไอได้เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ในคดีนี้ 15 วันที่ผ่านมา สอบสวนหาข้อมูลจากฝ่ายต่างๆ จำนวนมาก มีการสอบถึงนิติบุคคลทางสัญญาเกี่ยวข้องทั้งหมด หากพบหลักฐานพยานชัดเจนจะดำเนินคดีกับทุกคน และพร้อมเข้าดำเนินการจับกุม ได้ใน 2 สัปดาห์หลังจากนี้ไป
ส่วนกรรมการสหกรณ์ ทั้งหมดนั้น ทางตำรวจก็ร่วมทำการสอบสวนจะแล้วเสร็จภายในเดือนนี้ ซึ่งจะสามารถเชื่อมโยงกับบุคคลใดบ้างและเกี่ยวข้องกับบุคคลที่ออกหมายจับไปแล้วอย่างๆไรหรือไม่ และขณะนี้พบว่ามีผู้เสียหาย กว่า 800 คนมูลค่าความเสี่ยหายมากกว่า 1,000 ล้านบาท แต่ยังมีกลุ่มของผู้เสียหายอีกจำนวนหนึ่งนับพันคน ที่ยังไม่มาพบเจ้าหน้าที่
ส่วนใหญ่อยู่ที่ อ.วังสะพุง และ อ.หนองหิน จ.เลย เนื่องจากมีหัวหน้าสายไปขู่ห้ามไม่ให้มาแจ้งความร้องทุกข์ อ้างให้รอไปก่อนเพราะจะจ่ายเงินคืนให้
ซึ่งทางดีเอสไอ จะมีหมายเรียกไปให้ปากคำที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ กรุงเทพฯต่อไป สำหรับการสืบสวนเชิงลึกทราบว่า เส้นทางของเงินที่โกงไปนั้นขณะนี้ถูกถอนไปเกือบหมดแล้ว และได้ข้อมูลจากผู้เสียหายอีกว่า มีการเคลื่อนย้ายแปรสภาพ ไปซื้อทรัพย์สินด้วย ทั้งบ้าน ที่ดิน และรถยนต์ จะสอบสวนให้เสร็จภายใน สิ้นเดือน ส.ค.2554 นี้ และจะทำกากรอายัดทรัพย์เหล่านี้ต่อไป
“ตอนนี้ทราบว่ามีบางคนที่เกี่ยวข้องกับคดีโกงแชร์ลอตเตอรี่ได้เดินทางออกนอกประเทศไปแล้ว แต่ส่วนใหญ่ยังอยู่ภายในจังหวัดเลยและต่างจังหวัด อาทิตย์หน้า ทางดีเอสไอ จะออกหมายจับเพิ่มเติม รวมถึงการออกหมายจับตัวการใหญ่ด้วย”
พ.อ.ปิยะวัฒน์ ระบุว่า ในด้านฐานความผิดของคดีดังกล่าวบัญญัติไว้ตามพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินการฉ้อโกงประชาชนปี 2527 ในมาตรา 4, 5, 42 ระวางโทษไว้จำคุก 5-10 ปีปรับ 500,000-1,000,000 บาท มีการปรับวันละ 10,000 บาท นับแต่วันเวลาที่มีการฝ่าฝืนจนกระทั่งหยุดดำเนินการ นอกจากนั้นก็ยังมีความผิดตามกฎหมายอาญาฐานฉ้อโกงประชาชนตาม มาตรา 343 ดังนั้น เมื่อยื่นฟ้องไปแล้วผู้พิพากษาจะลงโทษหนัก คือ ระวางโทษ 5-10 ปี
