กาฬสินธุ์ - ชมรมพิทักษ์สิทธิ์สหกรณ์ออมทรัพย์ครูกาฬสินธุ์ จำกัด จี้สหกรณ์จังหวัดเอาผิดต่อคณะกรรมการ-ผู้จัดการสหกรณ์ออมทรัพย์ครูกาฬสินธุ์ ทั้งคณะ ชี้โควตาซื้อลอตเตอรี่ 820 ล้านบาท ประพฤติมิชอบ-ผิดกฏข้อบังคับสหกรณ์ฯ ด้านผู้แทนสหกรณ์ครู แฉสมาชิกไม่เคยรับรู้เรื่องโควตาลอตเตอรี่ ย้ำในสหกรณ์มีวงจรอุบาทว์จ้องหาผลประโยชน์จากสมาชิก
กรณีปัญหาการจัดซื้อลอตเตอรี่ในกลุ่มเครือข่ายสหกรณ์ออมทรัพย์ครูที่เกิดขึ้นใน จ.เลย จ.ชัยภูมิ จ.ขอนแก่น และล่าสุดเกิดขึ้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ ซึ่งมีพฤติกรรมคล้ายคลึงกันในเรื่องของการระดมเงินจัดซื้อลอตเตอรี่ผ่านบริษัทนายหน้า ซึ่งพบว่าผิดข้อบังคับของสหกรณ์และเสี่ยงที่จะทำให้เม็ดเงินฝากของสมาชิกซึ่งส่วนใหญ่เป็นครูได้รับความเสียหาย
โดยเฉพาะที่ จ.กาฬสินธุ์ พบว่า คณะกรรมการ-ผู้จัดการสหกรณ์ออมทรัพย์ครูกาฬสินธุ์ จำกัด ได้ใช้เงินของสมาชิกในการทำสัญญาในช่วงปลายปี 2553 ซื้อขายลอตเตอรี่เพื่อกินเงินส่วนต่างจาก บริษัทจัมโบ้-ซับพลายแอนเซอร์วิส จำกัด กทม. ไปแล้วกว่า 820 ล้านบาท ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดเมื่อบ่ายวันที่ 18 ก.ค.ที่ผ่านมา ที่ทำการชั่วคราวชมรมพิทักษ์สิทธิ์สหกรณ์ออมทรัพย์ครูกาฬสินธุ์ จำกัด บ.เสี่ยว ต.โคกศรี อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ นายวชิระ พลตื้อ สมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์ครูกาฬสินธุ์ จำกัด ในประธานชมรมพิทักษ์สิทธิ์ฯ นายมีชัย ไขแสง ผู้แทนสมาชิกสหกรณ์ฯ นายไพทูรย์ จรทะผา อดีตประธานสหกรณ์ออมทรัพย์ครูฯ ได้ร่วมกันออกแถลงการณ์ในการติดตามเอาผิดต่อคณะกรรมการ-ผู้จัดการและรองผู้จัดการสหกรณ์ออมทรัพย์ครู เพื่อเรียกร้องให้ สหกรณ์จังหวัดกาฬสินธุ์ ได้ดำเนินการเอาผิดตามกฎหมายและข้อบังคับของสหกรณ์ฯ
จากพฤติกรรมของคณะกรรมการ-ผู้จัดการ ในการนำเงินจำนวน 820 ล้านบาท ไปทำสัญญาจัดซื้อลอตเตอรี่กับบริษัท จัมโบ้-ซับพลายแอนเซอร์วิส จำกัด กทม.ซึ่งยืนยันว่าการจัดซื้อครั้งนี้ไม่เป็นไปตามข้อบังคับสหกรณ์ฯ และไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ ที่ส่อไปในทางทุจริต
นายมีชัย ไขแสง ผู้แทนสมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์ครูกาฬสินธุ์ จำกัด กล่าวว่า ภายหลังที่มีข่าวเกี่ยวกับการจัดซื้อโควต้าลอตเตอรี่ของสหกรณ์ออมทรัพย์ครูกาฬสินธุ์ฯ ได้สร้างความตกใจและเป็นกังวนให้กับมวลสมาชิกสหกรณ์ฯ เป็นอย่างมาก และมีเพื่อนสมาชิกได้โทรศัพท์เข้ามาสอบถาม ตนในฐานะที่เป็นผู้แทนสมาชิกฯ ก็ไม่สามารถให้คำตอบได้ แต่เท่าที่ได้สอบถามไปยัง กรรมการสหกรณ์ออมทรัพย์ครูบางคน ทราบว่า สหกรณ์ออมทรัพย์ครูกาฬสินธุ์ จำกัด ได้มีการใช้เงินมากถึง 820 ล้านบาท ในการจัดซื้อลอตเตอรี่จริง
แต่สิ่งที่ทำนั้นไม่ผ่านการประชุมใหญ่สามัญรวมถึงไม่มีการแจ้งข่าวการใช้เม็ดเงินจำนวนมหาศาลให้กับมวลสมาชิกทราบ ในเรื่องนี้ทำให้สมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์ครูฯ เชื่อว่าคณะกรรมการ-ผู้จัดการฯ มีพฤติกรรมที่ส่อไปในทางทุจริตแสวงหาผลโยชน์ ซึ่งขณะนี้มวลสมาชิกจะมีการรวมตัวกันเพื่อไปติดตามเรื่องดังกล่าวในวันพรุ่งนี้
ทั้งนี้ ขอเรียกร้องให้สหกรณ์จังหวัดกาฬสินธุ์ได้ดำเนินการอย่างตรงไปตรงมาให้ความเป็นธรรมเพราะปัญหาแชร์ลอตเตอรี่ได้สร้างความหวาดผวาให้กับมวลสมาชิกเนื่องจากเกรงว่าเม็ดเงินจะสูญหาย
ด้าน นายวชิระ พลตื้อ ประธานชมรมพิทักษ์สิทธิ์ฯ กล่าวว่า ในวันที่ 19 กรกฎาคมนี้ ชมรมพิทักษ์สิทธิ์สหกรณ์ออมทรัพย์ครูกาฬสินธุ์ จำกัด จะทำหนังสือถึงนายทะเบียนจังหวัด สหกรณ์จังหวัด และสหกรณ์ออมทรัพย์ครูกาฬสินธุ์ ให้ร่วมกับชี้แจงปัญหาการจัดซื้อลอตเตอรี่เพื่อให้สมาชิกสหกรณ์ที่มีกว่า 1 หมื่นคนได้รับรู้ข้อเท็จจริง และข้อให้ยกเลิกสัญญาและคืนเงินในการซื้อลอตเตอรี่กลับมาให้กับสมาชิกในทันที จากนั้นก็จะขอให้มีการเปิดประชุมวิสามัญ เพื่อทำการซักฟอกพฤติกรรมของผู้บริหาร-ผู้จัดการสหกรณ์และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดจากเรื่องนี้
ประเด็นที่ต้องการรับทราบมีทั้งหมด 9 ประเด็น คือ 1.การทำสัญญาเกิดขึ้นได้อย่างไรทั้งที่ไม่ผ่านที่ประชุมสามัญ 2.การให้เงินมัดจำเป็นหน้าที่อนุมัติของใคร 3.มีการจัดซื้อไปแล้วกี่งวด 4.ผลกำไรส่วนต่างเข้าสหกรณ์เท่าไหร่ 5.แล้วกำไรส่วนต่างจากส่วนที่เหลือใครรับประโยชน์
6.การจัดซื้อเป็นไปตามกฎระเบียบข้อบังคับของสหกรณ์หรือไม่ 7.การหาเงินเข้าสหกรณ์ด้วยการซื้อลอตเตอรี่เป็นไปตามวัตถุข้อไหน 8.การจัดซื้อเป็นมติของใคร 9.การดำเนินการทั้งหมดก่อนที่จะเกิดขึ้น สหกรณ์จังหวัดจะต้อง พักงาน คณะกรรมการ-ผู้จัดการหรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งคณะแล้วจึงมีการสอบสวน
นายวชิระกล่าวต่อว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อสมาชิกสหกรณ์ฯ ไม่มีใครรู้เรื่องนี้จึงมองได้ว่า เหตุการณ์ทั้งหมด คณะกรรมการ-ผู้จัดการฯ มีพฤติกรรมที่ส่อไปในทางทุจริต เพราะการอนุมัติเงินจำนวน 820 ล้านบาท เกิดขึ้นจากกลุ่มคนไม่ถึง 20 คน ผลเสียก็คือผลที่จะทำให้เงินฝากของสมาชิกเสียหาย เพราะเท่าที่ทราบการทำสัญญากับบริษัทนายหน้า ก็ไม่รู้ว่าเป็นใครมีตัวตนจริงหรือไม่
ทั้งนี้ การติดตามจะเริ่มต้นขึ้นในวันพรุ่งนี้และเชื่อว่าจะได้รับความเป็นธรรมจากสหกรณ์จังหวัด ซึ่งหากมีพฤติกรรมเอนเอียง ชมรมพิทักษ์สิทธิ์ฯ ก็จะดำเนินการแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ทันที