ศูนย์ข่าวศรีราชา - รมว.พลังงาน เปิดโรงผลิตพลังไอน้ำและไฟฟ้าร่วม ใช้ก๊าซธรรมชาติแทนหน่วยผลิตไอน้ำที่ใช้น้ำมันเตา เพื่อลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและปกป้องชุมชน สนองนโยบายรัฐบาลทั้งด้านความมั่นคง การใช้พลังงานสะอาดและการมีส่วนร่วมของชุมชนมั่นใจไร้ปัญหาในอนาคต
วันนี้ (19 ส.ค.54) นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธานในพิธีเปิดโรงผลิตพลังไอน้ำและไฟฟ้าร่วมจากก๊าซธรรมชาติ (Combined Heat and Power Project) ขนาดกำลังผลิตไอน้ำ 408 ตันต่อชั่วโมงและกำลังผลิตไฟฟ้าขนาดกำลังผลิต 220 เมกะวัตต์ ของบริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) ณ เขตประกอบการอุตสาหกรรม ไออาร์พีซี จังหวัดระยอง
โครงการนี้เป็นโครงการที่สอดคล้องกับนโยบายด้านพลังงานของประเทศ ทั้งในแง่ของการเสริมสร้างความมั่นคงให้กับระบบการผลิตกระแสไฟฟ้าด้วยพลังงานสะอาด การรักษาสิ่งแวดล้อมและลดผลกระทบจากกระบวนการผลิตไฟฟ้า รวมถึงการเปิดโอกาสให้ชุมชนในพื้นที่ได้มี ส่วนร่วมตั้งแต่การเริ่มโครงการ เพื่อสร้างการพัฒนาที่ยั่งยืน
นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร กรรมการและรักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ ไออาร์พีซี กล่าวว่า โครงการนี้ สร้างขึ้นเพื่อทดแทนการผลิตไอน้ำที่ใช้น้ำมันเตา ซึ่งไออาร์พีซี ได้หยุดและยกเลิกหน่วยผลิตดังกล่าว ครบทั้งหมดแล้ว หลังจากที่ได้ทยอยปลดระวางตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา
ทั้งนี้ โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของพันธสัญญาระหว่าง ไออาร์พีซี และชุมชนในการร่วมมือกันเพื่อลดและป้องกันผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม อันอาจเกิดจากกระบวนการผลิตในภาคอุตสาหกรรม ขณะเดียวกันยังส่งผลดีในการลดต้นทุนของบริษัทฯ ด้วย กล่าวคือหลังจากเริ่มดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์เมื่อเดือนมิถุนายน บริษัทฯ สามารถลดต้นทุนค่าไฟฟ้าและสาธารณูปโภคลงร้อยละ 16 ซึ่งเป็นไปตามผลการศึกษาที่คาดการณ์ว่า โครงการนี้จะช่วยลด การใช้น้ำมันเตาในการผลิตไอน้ำและไฟฟ้าได้ 240,000 ตันต่อปี หรือช่วยประหยัดต้นทุนการผลิตได้ 5 ล้านบาทต่อวัน หรือ 150 ล้านบาทต่อเดือน
สำหรับแผนการดำเนินการหลังจากนี้ ไออาร์พีซี จะดำเนินงานตามแผนงานของโครงการฯในการขายคาร์บอนเครดิตให้กับสหประชาชาติตามอนุสัญญาว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อนำรายได้ส่วนหนึ่งมาจัดตั้งกองทุนพัฒนาชุมชนและสิ่งแวดล้อมภายนอกพื้นที่โครงการ อันเป็นเป้าหมายสำคัญที่จะเพิ่มความร่วมมือระหว่างไออาร์พีซีและชุมชน ในการสร้างการพัฒนาที่ยั่งยืนให้กับชุมชนโดยรอบและประเทศชาติต่อไป
นายไพรินทร์ กล่าวอีกว่า การดำเนินการโครงการนี้บริษัทฯได้ปรับใช้ต้นแบบจากการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าถ่านหินอิโซโกะ ประเทศญี่ปุ่น โดยเฉพาะกระบวนการบริหารจัดการที่ดีทั้งการผลิตและการรักษาสิ่งแวดล้อมที่ทำให้สามารถอยู่ร่วมกับชุมชนมานานกว่า 30 ปี ซึ่งขณะนี้ก็พิสูจน์ให้เห็นถึงผลสำเร็จที่เกิดขึ้น ทั้งในแง่การมีส่วนร่วมกับชุมชน การลดปัญหาสิ่งแวดล้อมและการสร้างผลตอบแทนทางธุรกิจ
ดังนั้น โรงไฟฟ้าแห่งนี้จะถูกนำไปใช้เป็นต้นแบบการดำเนินงานให้กับโรงงานอุตสาหกรรมอื่นๆ ของเครือ ปตท.และโรงงานอุตสาหกรรมในจังหวัดระยอง
นับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2549 ที่เริ่มศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ ไออาร์พีซี มุ่งมั่นและทุ่มเทการดำเนินงานทุกขั้นตอนอย่างระมัดระวัง เพราะจะเป็นบทพิสูจน์สำคัญให้เห็นว่า เราพร้อมที่จะเป็นสมาชิกรายหนึ่งของชุมชนแห่งนี้ นับตั้งแต่การทำรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) การรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน ที่ใช้เวลาเกือบ 2 ปี ก่อนที่จะเริ่มก่อสร้างเมื่อกันยายน 2552 และเปิดดำเนินการในวันนี้ แม้จะใช้เวลามากกว่าแผนที่วางไว้ แต่ก็เป็นความภาคภูมิใจของชาว ไออาร์พีซี ทุกคน ที่ได้มีโอกาสเรียนรู้และได้ร่วมมือเพื่อสร้างโครงการที่ดีให้กับบ้านและชุมชนเพื่อนบ้านของเรา
นายไพรินทร์ กล่าวอีกว่า สำหรับโครงการผลิตไอน้ำและไฟฟ้าร่วมแห่งนี้ ใช้เงินลงทุนประมาณ 8,000 ล้านบาท ประกอบด้วยหน่วยผลิตจำนวน 6 หน่วย โดยจะผลิตไฟฟ้าป้อนให้กับโรงงานต่างๆ ในเขตอุตสาหกรรม ไออาร์พีซี ที่สามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 400,000 ตัน/ปี และได้รับรางวัลมาตรฐานมงกฎไทย (Crown Standard) จากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) ในฐานะที่บริษัทฯได้แสดงถึงความมุ่งมั่นและทุ่มเทในการปรับปรุงกระบวนการผลิตและการดำเนินงานของโครงการ เพื่อลดการเกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนให้น้อยที่สุดโดยสามารถลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากที่สุดของประเทศไทย และยังเป็นโครงการแรกของจังหวัดระยอง ที่ได้รับรางวัลอันทรงเกียรตินี้
อีกทั้งยังเป็นโรงไฟฟ้าและโรงงานอุตสาหกรรมแห่งแรกในจังหวัดระยองที่ดำเนินการตามกระบวนการเรื่องสิ่งแวดล้อมของ EIA