xs
xsm
sm
md
lg

หมู่บ้านค้าหมาศรีสะเกษ! โอดเดือดร้อนหนัก วอน “นายกฯปูแดง” ช่วย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

คอกสุนัข ต่างๆ ในบ้านสนามสามัคคี ต.โสน อ.ขุขันธ์  จ.ศรีสะเกษ  ซึ่งเป็นหมู่บ้านค้าขายสุนัขมานานกว่า 10 ปี ขณะนี้ว่างเปล่า ไม่ได้ซื้อขายสุนัขมานานกว่า 5-6 เดือนแล้ว วันนี้ ( 18 ส.ค.)
ศรีสะเกษ - ชาวบ้านสนามสามัคคี อ.ขุขันธ์ ศรีสะเกษ หมู่บ้านรับซื้อสุนัขส่งขายมานานกว่า 10 ปี โอดทั้งหมู่บ้านต้องเลิกอาชีพตระเวนซื้อสุนัขขาดรายได้มากว่า 5-6 เดือน เดือดร้อนหนัก เหตุตลาดใหญ่ จ.นครพนมงดซื้อเพราะตลาดเวียดนามปิดรับ และ เจ้าหน้าที่คุมเข้มจับกุม ต้องหันไปหาจับกุ้งขายแทนแต่รายได้ไม่พอเลี้ยงครอบครัว วอน “นายกฯปูแดง” ช่วยเหลือ ถามซื้อขายสุนัขส่งไปฆ่าเป็นอาหารแตกต่างจากส่งออก วัว ควาย ตรงไหน

วันนี้ (18 ส.ค.) เมื่อเวลา 15.00 น.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บ้านสนามสามัคคี ต.โสน อ.ขุขันธ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งชาวบ้านในหมู่บ้านแห่งนี้เกือบทุกครอบครัวประกอบอาชีพหารับซื้อสุนัข เพื่อนำเอาไปขายต่อให้กับพ่อค้าซื้อสุนัขรายใหญ่ จ.นครพนม ซึ่งจะมารับซื้อสุนัขถึงคอกสุนัขที่บ้านสนามสามัคคี ปรากฏว่า บรรยากาศภายในหมู่บ้านค่อนข้างเงียบเหงา ชาวบ้านพากันรวมกลุ่มกันนั่งพูดคุยกันเกี่ยวกับข่าวการจับกุมส่งออกสุนัขไปขายต่างประเทศ ที่สื่อมวลชนทุกแขนงได้พากันนำเสนอข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างต่อเนื่องอยู่ในขณะนี้

โดยชาวบ้านสนามสามัคคี แทบทุกครัวเรือนก่อนหน้านี้ มีอาชีพรับซื้อสุนัขไปขายด้วยการออกตระเวนรับซื้อสุนัขตามหมูบ้านต่างๆ ตั้งแต่ปี 2545 เป็นต้นมา หรือทำกันมานานกว่า 10 ปี ในราคาตามขนาดและน้ำหนักของสุนัข เช่น น้ำหนัก 10 กิโลกรัม (กก.) ขึ้นไปตัวละ 400 บาท, น้ำหนัก 6-7 กก.ตัวละ 70 บาท

นางสุภารัตน์ ศรีลาชัย อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 224/2 หมู่ 6 บ้านสนามสามัคคี ต.โสน อ.ขุขันธ์ จ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า ตนมีอาชีพรับซื้อสุนัขมานานกว่า 5 ปีแล้ว โดยตระเวนหารับซื้อสุนัขไปตามหมู่บ้านต่างๆ ในเขต อ.ขุขันธ์ และอำเภอใกล้เคียง แต่หลังจากที่ทางพ่อค้ารับซื้อสุนัขที่ จ.นครพนม ได้งดรับซื้อสุนัข เนื่องจากตลาดที่ประเทศเวียดนามไม่เปิดรับ ทำให้พวกตนทั้งหมู่บ้านเลิกตระเวนหารับซื้อสุนัขไปขายต่อมานานประมาณ 5-6 เดือนแล้ว

ในช่วงที่ตระเวนหารับซื้อสุนัขไปขายต่อ มีรายได้เฉลี่ยวันละ 500-1,000 บาท และได้ใช้จ่ายเงินจำนวนนี้ในการเลี้ยงครอบครัว รวมทั้งการส่งลูกหลานไปเรียนต่อที่กรุงเทพฯ และเมื่อทางราชการได้คุมเข้มในเรื่องนี้ ทำให้พวกตนต้องขาดรายได้ และพากันเปลี่ยนอาชีพไปหาจับกุ้งไปขายแทน ซึ่งมีรายได้เพียงวันละ 50-100 บาท ไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายในครอบครัว

นางอำไพ รุ่งเรือ อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 46 หมู่ 6 บ้านสนามสามัคคี เช่นกัน กล่าวว่า ตนและครอบครัวประกอบอาชีพตระเวนหารับซื้อสุนัขมานานหลายปีแล้ว โดยมีพ่อค้ารับซื้อสุนัขจาก จ.นครพนม มาลงทุนให้ก่อน เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการหารับซื้อสุนัข และออกรับซื้อสุนัขตามหมู่บ้านต่างๆ ในราคาตัวละ 50-200 บาท แล้วแต่ขนาดและน้ำหนักของสุนัข

แต่ขณะนี้ได้เลิกรับซื้อสุนัขมานานประมาณ 5 เดือนแล้ว เพราะพ่อค้าจาก จ.นครพนม พากันถอนตัว ไม่มารับซื้อสุนัขไปขายต่อ ทำให้ตนต้องติดหนี้สินรุงรัง และต้องกู้เงินดอกเบี้ยร้อยละ 20 มาใช้จ่ายให้ลูกเรียนหนังสือ

อยากฝากถามไปถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย ว่า การซื้อขายสุนัขกับการซื้อขายวัว ควาย เพื่อนำเอาไปฆ่าทำเป็นลูกชิ้นแตกต่างกันอย่างไร วัวควาย เป็นสัตว์สี่เท้าเช่นเดียวกับสุนัข ทำไมซื้อไปขายต่อต่างประเทศได้ แต่พวกตนรับซื้อสุนัขไปขายต่อต่างประเทศเช่นกัน และนำเอาไปทำเป็นอาหารของคนเวียดนาม ทำไมจึงไม่สามารถซื้อขายได้ ทั้งที่เป็นสัตว์เลี้ยงเช่นกัน จึงขอฝากถึงนายกรัฐมนตรีให้ช่วยดูแลแก้ไขปัญหาในเรื่องนี้ด้วย เนื่องจากขณะนี้พวกตนได้รับความเดือดร้อนกันเป็นจำนวนมาก

นางพัด พรหมพิลา อายุ 61 ปี อยู่บ้านเลขที่ 329 หมู่ 6 บ้านสนามสามัคคี กล่าวว่า ตนเปิดคอกรับซื้อสุนัขโดยมีเถ้าแก่รายใหญ่จาก จ.นครพนม มาลงทุนให้ และได้กำไรเพียงตัวละไม่กี่บาทเท่านั้น แต่เมื่อมีคำสั่งห้ามซื้อขายสุนัข ต้องหยุดรับซื้อสุนัขมาตั้งแต่ช่วงต้นปี 2554 ที่ผ่านมา ซึ่งขณะนี้พวกตนไม่มีรายได้อะไรต้องรอให้ลูกหลานที่ไปทำงานอยู่กรุงเทพฯ ส่งเงินมาให้ใช้ ซึ่งในช่วงแรกคาดว่าจะเปิดรับซื้อหมาในวันที่ 13 ส.ค.แต่เมื่อมีข่าวออกมาทางสื่อมวลชนเกี่ยวกับเรื่องจับกุมการส่งออกสุนัขที่ จ.นครพนม ทำให้พวกตนต้องยกเลิกเปิดการรับซื้อสุนัข

“ขณะนี้ไม่รู้ว่าจะไปทำมาหาอะไรกินประทังชีวิต เนื่องจากพวกเราชาวบ้านสนามสามัคคีเกือบทั้งหมู่บ้านประกอบอาชีพรับซื้อสุนัขมาตั้งแต่ปี 2545 มาจนถึงปัจจุบันนี้ เนื่องจากทำให้มีรายได้ดี และสามารถนำเอาเงินมาเป็นค่าใช้จ่ายในครอบครัวได้ รวมทั้งส่งลูกหลานเรียนหนังสือ เพื่อให้เป็นคนดีและเป็นพลเมืองที่ดีของชาติต่อไป” นางพัด กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในเขต ต.โสน อ.ขุขันธ์ จ.ศรีสะเกษ มีการเปิดคอกรับซื้อสุนัขอยู่จำนวน 4 คอก โดยคอกที่ใหญ่ที่สุดรับซื้อสุนัขได้ถึง 1,000 ตัว ตั้งอยู่ทางด้านทิศเหนือของบ้านสนามสามัคคี เป็นคอกสุนัขของ นายจ่อย แต่ขณะนี้คอกรับซื้อสุนัขทั้งหมดว่างเปล่า ไม่ได้เปิดใช้งานมานานแล้วและไม่มีสุนัขอยู่ในคอกแต่อย่างใด เพราะมีการปิดรับซื้อขายสุนัขมานานกว่า 5 เดือนแล้ว






กำลังโหลดความคิดเห็น