ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ผอ.ศูนย์เศรษฐกิจการลงทุนภาคที่ 1 เผย ช่วง 7 เดือนแรกปี 54 มีโครงการขอรับการส่งเสริมเพิ่มขึ้นแต่มูลค่าลงทุนลดลง เผย 3 อุตสาหกรรมขอรับการส่งเสริมสูงสุด “เกษตร-อิเล็กทรอนิกส์-บริการ” ส่วนโครงการที่ผ่านการอนุมัติส่วนใหญ่ลงทุนไม่เกิน 200 ล้าน เป็นโครงการนักลงทุนไทยเกินครึ่ง ด้านนักลงทุนต่างชาติญี่ปุ่นครองแชมป์ได้รับการส่งเสริมสูงสุด
นายสมมาตย์ ตั้งสกุล ผู้อำนวยการศูนย์เศรษฐกิจการลงทุนภาคที่ 1 สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยถึงภาวะการลงทุนในภาคเหนือช่วง 7 เดือนแรก (ม.ค.-ก.ค.) ของปี 2554 ว่า มีโครงการลงทุนที่ขอรับการส่งเสริมใน 17 จังหวัดภาคเหนือในช่วงดังกล่าวรวมทั้งสิ้น 59 โครงการ แบ่งเป็นในเขตภาคเหนือตอนบน 45 โครงการ และในภาคเหนือตอนล่าง 14 โครงการ เพิ่มขึ้นจากปริมาณโครงการที่ขอรับการส่งเสริมการลงทุนในช่วงเวลาเดียวกันของปี 2553 ร้อยละ 3.5 อย่างไรก็ตาม มูลค่าการลงทุนลดลงร้อยละ 11.6 โดยลดจาก 10,699.4 ล้านบาทในปี 2553 เหลือ 9,571.5 ล้านบาทในปี 2554
สำหรับอุตสาหกรรมที่นักลงทุนให้ความสนใจยื่นขอรับการส่งเสริมใน 3 อันดับแรก ได้แก่อุตสาหกรรมการเกษตรและผลิตผลจากการเกษตร อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า และกิจการบริการและสาธารณูปโภค ตามลำดับ โดยมีนักลงทุนต่างชาติที่ให้ความสนใจยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุน เช่น ญี่ปุ่น ฮ่องกง ไต้หวัน สาธารณรัฐประชาชนจีน สหรัฐอเมริกา เนเธอร์แลนด์ เยอรมนี และ เดนมาร์ก
นอกจากนี้ ในโครงการที่ยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุน ยังเป็นโครงการตามนโยบายส่งเสริม SMEs ไทยจำนวน 11 ราย มูลค่าการลงทุน 161.8 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 19 ของโครงการ
ขณะที่โครงการที่ได้รับการอนุมัติให้การส่งเสริมในภาคเหนือในช่วง 7 เดือนแรก (ม.ค.-ก.ค.) ของปี 2554 มีจำนวนทั้งสิ้น 56 โครงการ เป็นโครงการในภาคเหนือตอนบน 35 โครงการและในภาคเหนือตอนล่าง 21 โครงการ โดยจังหวัดเชียงใหม่เป็นจังหวัดที่มีโครงการได้รับการอนุมัติมากที่สุด 17 โครงการ ส่วนจังหวัดกำแพงเพชรเป็นจังหวัดที่โครงการที่ได้รับการอนุมัติมีมูลค่าการลงทุนสูงที่สุด คือ 6,072.8 ล้านบาทจาก 4 โครงการ
โครงการที่ได้รับการอนุมัติในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2554 ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนขนาดไม่เกิน 200 ล้านบาท มีจำนวนทั้งสิ้น 41 โครงการ คิดเป็นร้อยละ 73 ของโครงการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนทั้งหมด อีกทั้งยังมีโครงการตามนโยบายส่งเสริม SMEs ไทยที่ได้รับการอนุมัติให้การส่งเสริมจำนวน 7 ราย มูลค่าการลงทุน 59.1 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 14 ของโครงการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนทั้งหมด
โครงการที่ได้รับการอนุมัติในกลุ่มนี้ ประกอบด้วย กิจการตะแกรงเหล็ก (Wire Mesh) กิจการคัดคุณภาพข้าว กิจการโรงแรม กิจการอัญมณีและเครื่องประดับ และกิจการผลิตสิ่งของจากเยื่อหรือกระดาษ เป็นต้น
ทั้งนี้โครงการที่ได้รับการส่งเสริมในภาคเหนือในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2554 เป็นโครงการของนักลงทุนไทยถึงร้อยละ 52 โดยส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในอุตสาหกรรมบริการและสาธารณูปโภค อุตสาหกรรมเบา และอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์ กระดาษและพลาสติก
ส่วนการลงทุนของชาวต่างชาติ การลงจากนักลงทุนญี่ปุ่นได้รับการอนุมัติให้การส่งเสริมมากที่สุดถึง 9 โครงการ โดยเป็นการลงทุนในอุตสาหกรรมเบา อุตสาหกรรมบริการและสาธารณูปโภค อุตสาหกรรมชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และอุตสาหกรรมผลลิตโลหะ เครื่องจักร
รองลงมาเป็นการลงทุนจากสิงคโปร์ ที่ได้รับการส่งเสริมจำนวนทั้งสิ้น 3 โครงการ โดยเป็นการลงทุนในอุตสาหกรรมบริการและสาธารณูปโภค และอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์ กระดาษและพลาสติก
ขณะที่โครงการของนักลงทุนจากมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา สาธารณรัฐประชาชนจีน เนเธอร์แลนด์ และ เยอรมนี ได้รับการอนุมัติให้การส่งเสริมประเทศละ 2 โครงการ