ตาก- พ่อค้าแม่ค้าตลาดดอยมูเซอ เมืองตากกว่า 200 คน บุกล้อมอำเภอแม่สอด เรียก นอภ.ชี้แจงความคืบหน้าโครงการรื้อตลาดปรับปรุงใหม่ สุดท้ายสมาชิกสภาเทศบาลท่าสายลวด เข้าเจรจากับทนายความที่นำกลุ่มประท้วง จนยอมสลายตัว
วันนี้ (18 ส.ค.) พ่อค้าแม่ค้าตลาดดอยมูเซอ ต.แม่ท้อ อ.เมือง จ.ตาก กว่า 200 คน ได้รวมตัวกันเดินทางโดยรถยนต์ปิกอัพกว่า 20 คัน มาที่ว่าการอำเภอแม่สอด โดยมี นายสุกิจ พูลศรีเกษม ทนายความ เดินทางมาด้วย เพื่อเข้าพบ นายปรีชา ใจเพชร นายอำเภอแม่สอด แต่ นอภ.แม่สอด ติดราชการอยู่นอกพื้นที่ จึงพากันชุมนุมอยู่บริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอ พร้อมกับส่งเสียงเรียกให้นายอำเภอ ออกมาพบ ท่ามกลางเจ้าหน้าที่ อส.ชรบ.ตำรวจภูธรกว่า 100 นาย ยืนรักษาความสงบ โดยสถานการณ์ขณะนั้นมีความตรึงเครียดขนาดหนัก
ต่อมา ดร.สรรพศิริ อรชัยพันธุ์ลาภ สมาชิกสภาเทศบาลตำบลท่าสายลวด อ.แม่สอด ได้เดินทางมาพูดคุยกับนายสุกิจ ทนายความของชาวเขา ซึ่งมีความคุ้นเคยกัน จนทำให้สถานการณ์ดีขึ้น หลังการเจรจา ชาวเขาจึงยอมสลายตัวแยกย้ายกันกลับ
นายสุกิจ เปิดเผยภายหลังกลุ่มชาวเขาสลายตัวแล้วว่า เหตุที่รวมตัวกันมาเรียกร้องกันครั้งนี้ เพื่อขอความเป็นธรรมให้กับชาวเขาในเรื่องของตลาดสดชาวเขาดอยมูเซอ ที่มีปัญหายืดเยื้อมานาน เมื่อมีคนกลางคือ ดร.สรรพศิริมาพูดคุย ก็รู้สึกว่า คงจะได้รับความเป็นธรรม หลังจากนี้คงจะต้องมีการปรึกษาหารือและหาทางออกร่วมกันทั้งสองฝ่ายเพื่อประโยชน์ร่วมกัน
ทั้งนี้ โครงการพัฒนาปรับปรุง ตลาดดอยมูเซอ เป็นโครงการของจังหวัดตาก ที่ต้องการปรับปรุงตลาดดอยมูเซอ ซึ่งเป็นร้านค้าตามโครงการของศูนย์สงเคราะห์และพัฒนาชาวเขา ให้ชาวไทยภูเขา ได้นำผลผลิตทางการเกษตรมาจำหน่ายให้กับนักท่องเที่ยว ประกอบด้วยชาวไทยภูเขา เผ่า มูเซอ, ม้ง, ลีซอ กะเหรี่ยง ฯลฯ ซึ่งอาคารตลาดมีการก่อสร้างมานาน ตั้งแต่ พ.ศ. 2521 ชำรุดทรุดโทรม สกปรก ที่ผ่านมามีการตั้งร้านค้ารุกล้ำเข้ามาในเขตพื้นที่จอดรถและผิวถนน ไม่เป็นระเบียบ ไม่สวยงาม และยังก่ออันตราย ต่อผู้ใช้รถสัญจรไปมา
ดังนั้น จังหวัดตาก จึงได้จัดสรรงบประมาณจำนวน 7.2 ล้านบาท เพื่อพัฒนาปรับปรุงตลาดใหม่ ให้เป็นระเบียบสวยงาม เพื่อเป็นแหล่งที่นักท่องเที่ยวแวะมาซื้อของ ได้สะดวก แต่ก็มีปัญหาเนื่องจากมีกลุ่มบุคคลบางรายที่เคยมีแผงขายสินค้าในตลาด แต่ได้ขายสิทธิให้กับผู้อื่นแล้ว จะกลับมาทวงสิทธิ์อีก กลายเป็นปัญหาขัดแย้งกันขึ้น
ขณะที่ผู้รับเหมา ก็จะต้องเข้าไปทำการปรับปรุงมิเช่นนั้นจะผิดสัญญา และทางจังหวัดก็ยังคงต้องการเดินหน้าโครงการนี้ พร้อมประกาศดำเนินการไปตามกฎหมาย หากผู้ที่ไม่มีสิทธิ์ในแผงเดิมไม่ใช่ผู้ที่ค้าขายตัวจริง และมาขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ โดยยืนยันว่า การพัฒนาตลาดใหม่ ผ่านการทำประชาพิจารณ์แล้ว และล่าสุดได้ส่งข้อมูลให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนพิจารณาปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่งต่างเห็นว่า เป็นเรื่องที่ทางจังหวัดทำถูกต้อง