xs
xsm
sm
md
lg

แพทย์ยังเฝ้าระวังอาการ “พ่อคูณ” ใกล้ชิด - ผู้ว่าฯ เรียกถกเครียดประเมินย้าย รพ.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ เข้าพักรักษาอาการอาพาธโรควัณโรคปอด ที่ รพ.มหาราชนครราชสีมา อ.เมือง จ.นครราชสีมา นานกว่า 3 เดือน  วันนี้ ( 17 ส.ค.)
ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - “หลวงพ่อคูณ” เข้ารักษาอาพาธ รพ.มหาราชโคราช ยาวนานกว่า 3 เดือน อาการดีขึ้นตามลำดับ และถอดสายยางให้อาหารทางจมูกแล้ว แพทย์ระบุปอดอักเสบหายเกือบเป็นปกติ แต่ต้องเฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อนใกล้ชิดและงดเยี่ยมเด็ดขาด ขณะผู้ว่าฯ เรียกถกเครียดร่วมคณะแพทย์-ลูกศิษย์ หลังเข้ารักษานานยังไม่หายและติดเชื้อซ้ำซ้อน แพทย์ขอเวลาประเมินอาการอีก 2 สัปดาห์ ก่อนชี้ขาดให้กลับวัด หรือ ย้ายโรงพยาบาล ด้าน “พ่อคูณ” บอกเรื่องเจ็บป่วยเป็นธรรมดา กูไม่เป็นไรด๊อก


วันนี้ (17 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าอาการอาพาธของ พระเทพวิทยาคม หรือ หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ซึ่งพักรักษาอาการอาพาธวัณโรคปอด อยู่ที่ห้องผู้ป่วยพิเศษ 9821 อาคารเฉลิมพระเกียรติ ชั้น 8 โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา อ.เมือง จ.นครราชสีมา มาตั้งแต่เมื่อวันที่ 4 พ.ค.ที่ผ่านมา จนถึงขณะนี้เป็นระยะเวลานานกว่า 3 เดือนแล้ว ล่าสุดแพทย์ได้ถอดสายยางให้อาหารเหลวผ่านช่องโพรงจมูกออกแล้ว

เวลา 10.30 น.นพ.พินิศจัย นาคพันธุ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจ และ หลอดเลือดโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา และแพทย์ประจำตัวหลวงพ่อคูณ พร้อมคณะแพทย์โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ได้เข้าตรวจอาการหลวงพ่อคูณ โดยหลวงพ่อมีสีหน้าสดชื่นขึ้นมาก และมีเรี่ยวแรงสามารถยกแขนและขาด้วยตนเองได้ดี

นพ.พินิศจัย นาคพันธุ์ เปิดเผยว่า หลวงพ่อคูณ ฉันภัตตาหารเช้าได้กว่า 10-15 คำ โดยมีลูกศิษย์ใกล้ชิดคอยปรนนิบัติและนับคำในการฉัน เพื่อให้หลวงพ่อมีอาการอยากฉันอาหารเพิ่มขึ้น และยังต้องรับยาพ่นขยายหลอดลมทุกเช้าต่อไปเช่นเดิม สำหรับอาการโดยรวมของหลวงพ่อดีขึ้นเป็นลำดับ รู้สึกตัวดี ไม่มีไข้ และแพทย์ได้ถอดสายยางให้อาหารเหลวออกแล้ว เมื่อวานนี้ (16 ส.ค.) เนื่องจากหลวงพ่อคูณมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นเป็น 40 กิโลกรัม (กก.) จากเดิมที่เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลมีน้ำหนักตัวเพียงแค่ 35 กิโลกรัม และ สามารถฉันภัตตาหารเองได้มากขึ้น

ส่วนอาการวัณโรคปอด ก็อยู่ในระดับที่คณะแพทย์สามารถควบคุมได้ ซึ่งจากการเอกซเรย์ครั้งล่าสุดพบว่า ระดับน้ำในเยื่อหุ้มปอดและอาการปอดอักเสบลดลงจนเกือบหายเป็นปกติแล้ว อย่างไรก็ตามหลวงพ่อคูณยังคงต้องฉันยารักษาวัณโรคต่อเนื่องไปอีกจนครบ 1 ปี 6 เดือน อาการวัณโรคจึงจะหายขาด ซึ่งเราได้ให้ยามาแล้วกว่า 3 เดือน

“คณะแพทย์ยังต้องเฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นกับหลวงพ่อคูณอย่างใกล้ชิด พร้อมกำชับห้ามไม่ให้เข้าเยี่ยมอย่างเด็ดขาดเพื่อป้องกันการติดเชื้อซ้ำซ้อน ทั้งนี้หากหลวงพ่อคูณไม่มีอาการอื่นใดแทรกซ้อน คาดว่า อีกประมาณ 2 สัปดาห์ คณะแพทย์จะพิจารณาให้กลับไปพักฟื้นร่างกายที่วัดบ้านไร่ได้” นพ.พินิศจัย กล่าว

อย่างไรก็ตาม ล่าสุด เมื่อเวลา 14.00 น.วันเดียวกันนี้ ที่ห้องประชุมชั้น 8 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา นายระพี ผ่องบุพกิจ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ได้เป็นประธานเรียกประชุมคณะแพทย์ นำโดยนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชฯ ทีมผู้แพทย์ผู้รักษา, คณะกรรมการวัดบ้านไร่ นำโดย พล.ต.ต.มหัคฆพันธุ์ สุรคุปต์ ประธานคณะกรรมการวัดบ้านไร่ และ ลูกศิษย์ผู้ใกล้ชิด เพื่อประเมินอาการอาพาธของหลวงพ่อคูณและทำความเข้าใจร่วมกันของทุกฝ่าย หลังจากหลวงพ่อเข้ารักษาที่โรงพยาบาลมาเป็นเวลานานกว่า 3 เดือน 2 สัปดาห์ แต่ยังไม่สามารถออกจากโรงพยาบาลได้ และ เมื่อ 10 วันที่ผ่านมา หลวงพ่อได้เกิดอาการติดเชื้อในปอดเป็นรอบที่ 3 จากการสำลักอาหาร

โดยที่ประชุมมีมติร่วมกันว่า หลวงพ่อคูณมีโรคประจำตัวหลายอย่าง ทั้ง เบาหวาน ความดัน ถุงลมโป่งพอง วัณโรค และเคยผ่าตัดสมองมาแล้ว ซึ่งเหมือนระเบิดเวลาที่พร้อมจะระเบิดได้ตลอดฉะนั้นต้องเฝ้าสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด และการรักษาตลอดระยะเวลา 3 เดือน 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา หลวงพ่อคูณมีอาการดีขึ้นตามลำดับ โดยเฉพาะอาการวัณโรคดีขึ้น จุดที่ปอดหายไป แต่ล่าสุดพบการติดเชื้อที่ปอดเมื่อ 10 วันที่ผ่านมาซึ่งเป็นติดเชื้อรอบที่ 3 คณะแพทย์ได้ทำการรักษาและดีขึ้นตามลำดับ จากนั้นได้เพิ่มมาตรการเข้มงวดในการเข้าเยี่ยมอาการอย่างเคร่งครัด โดยทุกคนที่เข้าเยี่ยมต้องสวมเสื้อกาว สวมหน้ากากอนามัย และล้างมือด้วยแอลกอฮอล์ทุกครั้ง

ทั้งนี้ คณะแพทย์ได้ถอดสายยางอาหารออกให้หลวงพ่อคูณเมื่อวานนี้ (16 ส.ค.) เนื่องจากเห็นว่า น้ำหนักหลวงพ่อคูณอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ คือ 40 กิโลกรัม และเพื่อไม่ให้เกิดความรำคาญประกอบกับหลวงพ่อใส่สายยางอาหารมานานหลายเดือนแล้ว และแพทย์ต้องการให้ทดลองฉันภัตตาหารด้วยตัวเองได้จึงตัดสินใจถอดสายยางอาหารออก โดยจะเฝ้าดูว่า หลวงพ่อคูณสามารถฉันภัตตาหารเองได้หรือไม่ เพราะปัญหาสำคัญตอนนี้ คือ อาการสำลักอาหาร ซึ่งทำให้หลวงพ่อฉันได้ลำบากและไม่อยากฉันภัตตาหาร

ฉะนั้น จากนี้ไปจะประเมินดูว่า หลวงพ่อคูณสามารถฉันภัตตาหารเองได้ดีหรือไม่ หากฉันได้ดี น้ำหนักไม่ลด แพทย์จะอนุญาตให้กลับไปพักฟื้นที่วัดบ้านไร่ได้ แต่หาก มีภาวะแทรกซ้อนอย่างอื่น หรือไม่สามารถฉันภัตตาหารได้ น้ำลดลงมาก แพทย์จำเป็นจะต้องส่งตัวเข้าไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลศิริราช กรุงเทพฯ เพื่อทำการเจาะช่องท้องในการให้อาหารทางช่องท้องต่อไป ซึ่งการเจาะให้อาหารทางช่องท้องดังกล่าวเป็นภาวะที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อค่อนข้างสูง ต้องใช้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน

อย่างไรก็ตาม นายระพี ได้นัดหารือกับผู้เข้าร่วมประชุมในวันนี้ อีกครั้งใน 2 สัปดาห์ข้างหน้า เพื่อประเมินอาการของหลวงพ่อคูณ และประเมินการดูแลร่วมกันระหว่างแพทย์กับคณะลูกศิษย์

ทาง ด้านหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ กล่าวผ่านผู้สื่อข่าวไปยังศิษยานุศิษย์ทั้งไทย และต่างประเทศเป็นครั้งแรกหลังเข้ารับการรักษาที่ รพ.มหาราชนครราชสีมานานหลายเดือน ว่า ไม่เป็นไรดอกหลาน เรื่องเจ็บป่วยเป็นธรรมดา กูไม่เป็นไรแล้ว ขอให้ลูกศิษย์ทุกคนรักษาศีล 5 เป็นกิจวัตรประจำวันในช่วงเข้าพรรษา ส่วนการกลับวัดบ้านไร่ก็ต้องกลับไปแน่นอน แต่ตอนนี้หมอให้อยู่โรงพยาบาลก็อยู่ไปก่อน ไม่ต้องเป็นห่วงด๊อก


ผู้ว่าฯ เรียกประชุมเครียดคณะแพทย์ คณะกรรมการวัดบ้านไร่ และ ลูกศิษย์ผู้ใกล้ชิด  ประเมินอาการหลวงพ่อคูณ

นพ.พินิศจัย นาคพันธุ์

กำลังโหลดความคิดเห็น