ร้อยเอ็ด - สิ้นแล้ว! หลวงปู่ศรี พระชั้นผู้ใหญ่สายกรรมฐานสายพระอาจารย์มั่นมรณภาพอย่างสงบด้วยโรคชรา เมื่อเช้าวันนี้ที่วันป่ากุง จ.ร้อยเอ็ด ศิริอายุ 94 ปี พรรษาที่ 66 ด้านผู้ว่าฯเตรียมหารือศิษย์ทำเรื่องขอพระราชทานน้ำหลวงอาบศพแด่หลวงปู่
เมื่อเวลา 05.34 น.วันนี้ (16 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พระเทพวิสุทธิมงคล หรือ หลวงปู่ศรี มหาวีโร เกจิชื่อดังแห่งภาคอีสาน สายวิปัสสนากรรมฐาน ได้ละสังขารด้วยโรคชรา ภายในศาลากลางน้ำ วัดประชาคมวนาราม (ป่ากุง) อ.ศรีสมเด็จ จ.ร้อยเอ็ด อายุ 94 ปี 3 เดือน 13 วัน 66 พรรษา หลังจากหลวงปู่ อาพาธมาตั้งแต่ ปี 2550 ศิษยานุศิษย์นำเข้ารักษาตัวและเข้าออก รพ.ศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น จำนวนหลายครั้ง ศิษยานุศิษย์ทั้งใน จ.ร้อยเอ็ด และจากทั่วทุกสารทิศที่ทราบข่าวต่างหลั่งไหลเดินทางมากราบไหว้อย่างไม่ขาดสาย
โดย นายสมศักดิ์ ขำทวีพรหม ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด เตรียมประชุมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องและศิษยานุศิษย์ เพื่อทำเรื่องขอพระราชทานน้ำหลวงอาบศพให้แก่หลวงปู่ เนื่องจากเป็นพระผู้ใหญ่ที่ได้สมณศักดิ์ พัดยศจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ชั้นสุดท้ายเป็นพระราชาคณะชั้นเทพ “พระเทพวิสุทธิมงคล” เบื้องต้นตั้งศพบำเพ็ญกุศลไว้ที่ศาลากลางน้ำ ส่วนพิธีการอื่นๆ นั้นอยู่ระหว่างการดำเนินการหาข้อสรุป
พระเทพวิสุทธิมงคล หรือ หลวงปู่ศรี มหาวีโร ศิษย์รุ่นสุดท้ายของหลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต วัดหนองผือ ต.นาโน อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร เกจิชื่อดังของประเทศไทย และ สปป.ลาว เป็นศิษย์ร่วมรุ่นกับพระมงคลญาณเถร หรือหลวงปู่มา ญาณวโร วัดสันติวิเวก อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด และ หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี ที่เพิ่งมรณภาพไปเมื่อเร็วๆ นี้
หลวงปู่ศรี เกิดในตระกูล “ปักกะสีนัง” เกิดเมื่อวันศุกร์ที่ 3 พ.ค.2460 ตรงกับวันแรม 8 ค่ำ เดือน 6 ปีมะเมีย ณ บ้านขามป้อม ตำบลขามป้อม อำเภอวาปีปทุม จังหวัดมหาสารคาม เป็นบุตรคนที่ 6 ของ นายอ่อนสี และ นางทุมจ้อย ปักกะสีนัง มีพี่น้องรวมกัน 11 คน อาชีพทำนา ทำสวน ทำไร่
หลวงปู่เคย เล่าว่า ก่อนที่แม่จะตายได้สั่งเสียอยากให้ลูกบวชให้ อย่างน้อย 10 วัน หลวงปู่ก็รับปากก่อนที่เข้าอุปสมบทเมื่ออายุ 29 ปีที่ “วัดราษฎร์รังสรรค์” บ้านป่ายาง ต.ขอนแก่น อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด เมื่อวันที่ 26 พ.ค.2488 ได้ฉายาว่า “มหาวีโร” แปลความหมายว่า “ผู้มีความหาญกล้ามาก” หรืออีกนัยหนึ่ง “ผู้สามารถบุกเข้าไปทำลายกิเลสได้” โดยมีพระโพธิญาณมุณี (คำ โพธิญาโณ) เจ้าคณะจังหวัดร้อยเอ็ด (ธรรมยุต) เป็นพระอุปัชฌาย์, พระครูศิริธรรมธาดา เจ้าคณะอำเภอเมืองร้อยเอ็ด เป็นพระกรรมวาจาจารย์, พระครูสมุห์พันธ์ เป็นพระอนุสาวนาจารย์
จากนั้นได้เดินทางออกวิเวกเข้าป่าเทือกเขาภูพาน และได้เข้ากราบนมัสการเป็นลูกศิษย์หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต จ.สกลนคร จากนั้นออกเดินทางปลีกวิเวกไปยัง จ.นครพนม จ.อุดรธานี และอีกหลายต่อหลายจังหวัด และปี 2530 ได้เดินทางกลับไปจำพรรษาอยู่ที่วัดประชาคมวนาราม หรือวัดป่ากุงปัจจุบัน นับเป็นเวลาถึง 8 ปี ที่หลวงปู่ศรี มหาวีโร ท่านได้ออกธุดงค์เที่ยววิเวกภาวนาและจำพรรษาในถิ่นอื่น
การย้อนกลับมาสู่ถิ่นเดิมของท่าน หลวงปู่ศรี เห็นว่า ป่าไม้และสัตว์ป่าบนภูเขาเขียวถูกทำลายไปมาก จึงมีแนวคิดสร้างพระมหาเจดีย์ชัยมงคลขึ้น และรับเป็นประธานฝ่ายสงฆ์ดำเนินการก่อสร้างพระมหาเจดีย์มูลค่าการก่อสร้างกว่า 3,000 ล้านบาท เพื่อเป็นศูนย์รวมจิตใจชาวพุทธ และรักษาพื้นที่ป่า-สัตว์ป่า ที่วัดผาน้ำย้อย ต.โคกสว่าง อ.หนองพอก จ.ร้อยเอ็ด
พร้อมกับสนับสนุนการสร้างวัดสาขาในจังหวัดอีกหลายแห่ง สร้างเจดีย์หินขึ้นที่วัดป่ากุง สร้างสิ่งสาธนูปโภคและช่วยเหลือชาวบ้านอย่างต่อเนื่องจนเป็นที่เคารพและเลื่อมใสในบุญบารมีตลอดมา