ประจวบคีรีขันธ์ - ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 พื้นที่เรียกประชุมตำรวภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อเร่งคลี่คลายคดีคนร้ายบุกยิงนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์หญิง หัวหิน หน้าโครงการจัดสรรที่ดินในพื้นที่หัวหิน เบื้องต้นยอมรับ คดียังไม่คืบสั่งตั้ง พล.ต.ต.โสภณ พิสุทธิ์วงษ์ และ พล.ต.ต.เรวัติ กลิ่นเกสร รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ลงมาร่วมคลี่คลายคดีแล้ว ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป
วันนี้ (15 ส.ค.) ที่สถานีตำรวจภูธรหัวหิน อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ พล.ต.ท.พงษ์สันต์ เจียมอ่อน ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค7 พร้อมด้วย พล.ต.ต.วิเชียร ตันตะวิริยะ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้เรียกประชุมนายตำรวจเพื่อคลี่คลายคดี ไม่ว่าจะเป็น พ.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ทองงามตระกูล ผกก.สภ.หัวหิน, พ.ต.ท.สมศักดิ์ เนื่องอ้น รองผกก.สส.สภ.หัวหิน พ.ต.ท.ธัญยะ ครุฑเผือก พนักงานสอบสวน ตลอดจนชุดสืบสวน สภ.ปากน้ำปราณ, สภ.บ้านหนองพลับ ชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พร้อมหน่วยปฏิบัติการพิเศษตำรวจภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อติดตามความคืบหน้าดคีที่คนร้ายใช้อาวุธปืนขนาด 11 มม.ยิง น.ส.เพชรรัตน์ สุดเสนาะ อายุ 41 ปี เสียชีวิตคาที่ โดยผู้ตายเป็นเจ้าของโครงการบ้านจัดสรร เดอะแกรนด์ ไดมอนด์ เหตุเกิดบริเวณหน้า สำนักงานขายโครงการบ้านจัดสรร เดอะแกรนด์ และเป็นบริษัทของสำนักงานไดมอนด์ 99 จำกัด และบริษัท ตรัยรัตน์ จำกัด, บริษัท หัวหินไทยโฮม จำกัด ริมถนนเพชรเกษม ตรงข้ามโรงพยาบาลหัวหิน อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อช่วงเย็นวันที่ 13 ส.ค.54 ที่ผ่านมา
ในที่ประชุมได้มีการฉายภาพวงจรปิด จากกล้องวงจรปิดที่บันทึกไว้ได้อีกครั้ง พร้อมทั้งสรุปเหตุการณ์อย่างละเอียดเกี่ยวกับการลงมือของคนร้ายที่ก่อเหตุ รูปร่าง รถจักรยานยนต์ หมวกกันน็อก เส้นทางหลบหนี ตลอดจนปลอกกระสุน และหัวกระสุนจากอาวุธปืน 11 มม.รวมไปถึงการตั้งประเด็นการสังหาร ซึ่งคาดว่าน่าจะมาจากความขัดแย้งในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ในพื้นที่ ต.ปากน้ำปราณ อ.ปราณบุรี และ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งผู้ตายเป็นเจ้าของและหุ้นส่วนรวมแล้ว 16 โครงการ ซึ่งในที่ประชุมวันนี้ใช้เวลานาน 2 ชม.โดยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปรับฟังข้อมูล เนื่องจากบางส่วนทางตำรวจชุดคลี่คลายคดี ไม่สามารถเปิดเผยได้
ภายหลังการประชุมเสร็จสิ้นลง พล.ต.ท.พงษ์สันต์ เจียมอ่อน ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 กล่าวว่า ได้แต่งตั้ง พล.ต.ต.โสภณ พิสุทธิ์วงษ์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7, พล.ต.ต.เรวัติ กลิ่นเกสร รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 เข้ามาร่วมคลี่คลายคดีนี้ร่วมกับทางตำรวจภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ทั้งนี้ยอมรับว่าเบื้องต้นยังไม่มีอะไรคืบหน้าไปมากกว่าที่สื่อมวลชนเสนอข่าว
แต่จากกล้องวงจรปิด พบว่า คนร้ายที่ลงมือสังหาร มีความชำนาญในการใช้อาวุธปืน หลังจากลงมือเสร็จแล้วได้มาขับขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อ ฮอนด้าคลิก ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน โดยคนร้ายมีเพียง 1 คนเท่านั้น สวมใส่หมวกกันน็อก ขับหลบหนีไปตามเส้นทางถนนเพชรเกษม จนถึงบริเวณรวังไกลกังวลหัวหิน
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้หากภาพจากกล้องวงจรปิดที่บันทึกเหตุการณ์ที่คนร้ายลงมือสังหาร ได้นำเข้าไปสู่ขบวนการเพิ่มความคมชัด และสามารถเห็นหน้าคนร้ายได้อย่างชัดเจนก็ไม่จำเป็นต้องสเก๊ตภาคคนร้าย ในส่วนนี้ทางตำรวจยังได้เก็บหัวกระสุนปืนในที่เกิดเหตุได้เพิ่มเติม 1 หัว ซึ่งจะส่งไปตรวจสอบประวัติในการใช้อาวุธปินขนาด 11 มม.ต่อไป ทั้งนี้ เบื้องต้นทางตำรวจยังตั้งประเด็นและให้น้ำหนัก ในการสังหารไปในเรื่องความขัดแย้งการทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ทั้งเรื่องเก่าและเรื่องใหม่ ในขณะเดียวกันทางตำรวจเองยังดำเนินการสอบปากคำญาติพี่น้อง และพยานที่เห็นเหตุการณ์ไปแล้ว 6 ปากด้วยกัน
นอกจากนั้น พล.ต.ต.วิเชียร ตันตะวิริยะ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้สั่งการให้ตำรวจชุด สภ.หัวหิน สภ.บ้านหนองพลับ, สภ.ปากน้ำปราณ ชุดสืบสวนภูธรประจวบฯ และหน่วยปฏิบัติการพิเศษตำรวจภูธรประจวบฯ แบ่งหน้าที่ติดตามหารายละเอียดเกี่ยวกับความขัดแย้งทางธุรกิจของผู้ตายย้อนหลังไปก่อนหน้านี้และในปัจจุบัน และกลุ่มมือปืนตามภาพวงจรปิด ตลอดจนรถจักรยานยนต์ที่มือปืนใช้ ซึ่งคดีดังกล่าวเป็นเหตุการณ์สะเทือนขวัญคนร้ายลงมือกลางวันและทำงานเพียงคนเดียวเท่านั้น
