ประจวบคีรีขันธ์ - ตำรวจภูธรประจวบคีรีขันธ์ ระดมทีมไล่ล่ามือปืนบุกยิงเจ้าของโครงการบ้านจัดสรรรายใหญ่ของอำเภอหัวหิน สั่งตรวจสอบกล้องวงจรปิดบนถนนเพชรเกษมและสถานที่ใกล้เคียง ตรวจสอบประวัติ ธุรกิจของผู้ตายทุกชนิด พร้อมตั้งรางวัลนำจับ 50,000 บาทให้แก่ผู้ชี้เบาะแสไปสู่ตัวคนร้าย
ความคืบหน้ากรณีคนร้ายบุกกระหน่ำยิง น.ส.เพชรรัตน์ หรือหญิง สุดเสนาะ อายุ 42 ปี เจ้าของธุรกิจบ้านจัดสรรและอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของอำเภอหัวหิน ที่บริเวณหน้าสำนักงานขายโครงการบ้านจัดสรร เดอะแกรนด์ ไดม่อน เลขที่ 27/88 ถนนเพชรเกษม ตรงข้ามโรงพยาบาลหัวหิน อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เสียชีวิตข้างรถมินิคูเปอร์ สีขาว หมายเลขทะเบียน วพ 3388 กรุงเทพมหานคร เมื่อเวลาประมาณ 17.30 น.วานนี้ ( ส.ค.)
ล่าสุด วันนี้ (14 ส.ค.) ที่ห้องประชุมสถานีตำรวจภูธรหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พล.ต.ต.วิเชียร ตันตะวิริยะ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้เรียกประชุมตำรวจฝีมือดีในสังกัดตำรวจภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ทั้งหมด เช่น ชุดสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์, หน่วยปฏิบัติการพิเศษ, ผู้กำกับการ สภ.ปราณบุรี, สภ.หนองพลับ, สภ.ปากน้ำปราณ และตำรวจภูธรหัวหิน เพื่อเร่งคลี่คลายคดีดังกล่าวโดยเร็วที่สุด
เนื่องจากเป็นคดีสะเทือนขวัญที่กระทบความรู้สึกประชาชน ในการที่คนร้ายกระหน่ำยิงเหยื่อที่เป็นหญิงย่างอุกอาจ โดยผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานชุดเฉพาะกิจเพื่อคลี่คลายคดีนี้ ซึ่งจะใช้เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในส่วนของ สภ.หัวหิน และใกล้เคียง ประสานงานสืบสวนสอบสวน หาข่าว พยานแวดล้อม รวมทั้งการสืบหาหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์
พล.ต.ต.วิเชียร ตันตะวิริยะ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กล่าวถึงความคืบหน้าล่าสุดว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบภาพวงจรปิดที่ทางบริษัทที่เกิดเหตุบันทึกไว้ ทราบว่าคนร้ายเป็นชายสวมหมวกแก๊ป ลักษณะผอม สูงโปร่ง สวมเสื้อยืดแขนสั้น รองเท้าผ้าใบ เมื่อก่อเหตุแล้วได้หลบหนีไปด้วยรถจักรยานยนต์สีขาว ที่จอดซุ่มอยู่ ส่วนใบหน้านั้น ไม่ชัดเจน เนื่องจากคนร้ายหันหลังให้กล้อง และ กล้องก็ไม่ชัดเพียงพอที่จะเห็นรายละเอียด
แต่จากการสังเกตุพฤติกรรมของคนร้าย ทำให้สันนิษฐานได้ว่าคนร้ายมีความชำนาญในการใช้อาวุธ อาจจะรู้จักหรือมีความเกี่ยวข้องกับผู้ตาย และอาจจะติดตามผู้ตายมาระยะหนึ่งแล้ว จนกระทั่งเมื่อเห็นจังหวะที่ผู้ตายออกจากสำนักงาน กำลังจะขึ้นรถยนต์ ก็เป็นจังหวะเหมาะให้คนร้ายก่อเหตุ ส่วนประเด็นการสังหาร ตำรวจให้น้ำหนักเรื่อง ความขัดแย้งทางธุรกิจ แต่ก็ยังไม่ตัดประเด็นเรื่องส่วนตัวออกไป
ซึ่งได้สั่งการให้ชุดสืบสวนสอบสวนเข้าไปตรวจสอบหาพยานหลักฐานเพิ่ม ตรวจสอบกล้องวงจรปิดในบริเวณใกล้เคียง เช่น ปั้๊มน้ำมัน ร้านสะดวกซื้อ โรงพยาบาลหัวหิน รวมทั้งจะต้องตรวจสอบกล้องวงจรปิดบนถนนเพชรเกษม ที่อาจจะสามารถบันทึกภาพคนร้ายไว้ได้
สำหรับคดีนี้ยังให้ความสำคัญกับการหาหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ด้วย การหาหลักฐาน จากลายนิ้วมือในที่เกิดเหตุ หรือก้นบุหรี่ที่คนร้ายอาจจะทิ้งร่องรอยไว้ เพื่อนำมาเป็นหลักฐานประกอบกันด้วย พร้อมกันนี้จะมีการตรวจสอบข้อมูลการทำธุรกิจของผู้ตายทุกชนิด ทุกโครงการทั้งในอดีตและปัจจุบัน โครงการไหน มีความขัดแย้ง หรือมีเรื่องวิวาทกับใครหรือไม่ ซึ่งจะต้องเชิญหุ้นส่วนและผู้เกี่ยวข้องเข้ามาสอบสวนโดยละเอียด รวมทั้งการหาข้อมูลการใช้โทรศัพท์มือถือของผู้ตาย ประวัติส่วนตัว และทรัพย์สินของผู้ตาย เป็นต้น
ทั้งนี้ คณะทำงานทุกฝ่ายจะต้องมีการรายงานความคืบหน้าให้ทราบทุกวัน และจะต้องเร่งคลี่คลายคดี หาตัวคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็วที่สุด พร้อมกันนี้ยังได้มีการตั้งรางวัลนำจับ จำนวน 50,000 บาท ให้กับบุคคลที่แจ้งเบาะแสที่นำไปสู่การจับกุมคนร้าย