สุโขทัย - “ยิ่งลักษณ์”บินตรวจน้ำท่วมสุโขทัย ก่อนนั่งเรือท้องแบนแจกถุงยังชีพ สั่งผู้ว่าฯเร่งสรุปข้อมูลสร้างแก่งเสือเต้น ก่อนตัดสินใจอีกครั้ง ยันแก้ปัญหาจากข้อเท็จจริง ผู้ว่าฯ เผยตัวเลขคนสุโขทัยเดือดร้อนแล้ว 9 อำเภอ 81 ตำบล กว่า 8.8 หมื่นคน บ้านเรือน-วัด-โรงเรียน-ถนน เสียหายหนัก เผยมียอดผู้เสียชีวิตแล้วถึง 4 ราย
วันนี้ (13 ส.ค.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะได้เดินทางลงพื้นที่จังหวัดสุโขทัย เพื่อประชุมสรุปแนวทางการแก้ปัญหากับรัฐมนตรี และตัวแทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยก่อนเดินทางไปตรวจยังจุดต่างๆ นายกฯ ได้เข้ากราบนมัสการขอพรพระแม่ย่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองสุโขทัย ที่ศาลพระแม่ย่า หน้าศาลากลางจังหวัดสุโขทัย
จากนั้น จึงได้เดินทางไปแจกถุงยังชีพให้กับผู้ประสบภัย จำนวน 1,000 ชุด ที่วัดคงคามาลัย ต.ปากพระ อ.เมืองสุโขทัย และรับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์น้ำท่วมจ ากนายจักริน เปลี่ยนวงษ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย ที่ระบุว่า ล่าสุดมีผู้ได้รับความเดือดร้อน รวม 9 อำเภอ 81 ตำบล 568 หมู่บ้าน 88,256 คน 29,930 ครัวเรือน
และยังมีบ้านพังทั้งหลัง 7 หลัง กับเสียหายบางส่วนอีก 6 หลัง ส่วนพื้นที่การเกษตรเสียหาย 281,514 ไร่ ถนนพัง 261 สาย โรงเรียน 31 แห่ง วัด 27 แห่ง และมีผู้เสียชีวิต 4 ราย
ต่อมา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ลงเรือท้องแบนไปแจกถุงยังชีพ 60 ชุด ให้กับผู้ประสบภัยที่บ้านสามหมื่น หมู่ 4 ต.ปากพระ ก่อนที่จะเดินทางต่อไปที่วัดกงไกรลาศ หมู่ 9 ต.กง อ.กงไกรลาศ เพื่อแจกถุงยังชีพอีก 1,000 ชุด พร้อมได้ร่วมประชุมกับหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ที่ห้องประชุมองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) กง
น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า การประชุมในวันนี้เป็นการสั่งการ หลังจากที่เราไปดูปัญหาน้ำท่วม เห็นว่าพื้นที่ประสบภัยเป็นพื้นที่ที่เกิดปัญหาซ้ำซ้อน 4-5 ครั้ง ตรงนี้เป็นปัญหาระยะยาวที่เราต้องทำการแก้ไข ตนได้ฝากในที่ประชุมให้รัฐมนตรีแต่ละกระทรวง รวมถึงปลัดกระทรวง อธิบดี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แบ่งเป็นปัญหาระยะสั้นที่เราต้องแก้ไข คือ การแก้ปัญหาสภาพความเป็นอยู่ของประชาชน การดูแลทางด้านสาธารณสุข เนื่องจากน้ำท่วมขังเป็นเวลานานอาจจะมีปัญหาในเรื่องโรคน้ำกัดเท้าได้ ส่วนระยะยาวจะมีการหารือในการดูแลแก้ไขปัญหาน้ำระยะยาวระบบชลประทานจึงต้องหารือกับผู้ที่มีความชำนาญ ซึ่งได้ฝากเรื่องนี้ไว้กับอธิบดีกรมชลประทานไว้แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ชาวบ้านเรียกร้องสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้น นายกฯมีแนวทางอย่างไร น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ได้ฝากเรื่องไว้กับผู้ที่เกี่ยวข้องแล้ว เพื่อขอรับทราบปัญหา และข้อเท็จจริงเบื้องต้นทั้งในส่วนของข้อดี และข้อเสีย รวมทั้งข้อห่วงใยของพี่น้องที่อยู่ในบริเวณแก่งเสือเต้นด้วย ตนจึงขอทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ และพี่น้องประชาชนบริเวณนี้ก่อนที่จะให้แนวทางการตัดสินใจดำเนินการอีกครั้ง
เมื่อถามว่า ปัญหาแก่งเสือเต้นมีการถกเถียงกันมาเป็นเวลานานคาดว่าจะแก้ไขได้ภายในรัฐบาลชุดนี้หรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า เราต้องเข้าใจปัญหาที่แท้จริงเสียก่อน และหาแนวทางแก้ไข ตนจึงต้องทำงานในด้านนี้ก่อนจึงจะสามารถวิเคราะห์ได้ เนื่องจากปัญหาต่างๆ เป็นปัญหาระยะยาวจึงต้องหาข้อมูลหาข้อสรุปก่อนเพื่อหาแนวทางถึงข้อดีข้อเสียว่าเป็นอย่างไร จากนั้นจึงจะมาหารือกับพี่น้องประชาชนถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาว่าเป็นอย่างไร และต้องพูดคุยกับองค์กรภาคเอกชน(เอ็นจีโอ)ที่คัดค้านด้วย เราต้องคำนึงถึงทุกภาคส่วน สิ่งสำคัญเราไม่ได้ดูที่ว่าจะต้องมาสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้นอย่างเดียว แต่เราดูที่วิธีการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมมากกว่า โดยคำนึงว่าผลระยะยาวจะเป็นอย่างไรในการที่จะเชื่อมลุ่มแม่น้ำเข้าด้วยกัน โดยเฉพาะนโยบายของรัฐบาลจะมีการเชื่อม 25 ลุ่มแม่น้ำเข้าด้วยกัน ตนจะนำมาศึกษาในภาพรวมก่อนจึงจะไปแก้ปัญหาในรายจังหวัดได้
ต่อข้อถามว่า หวั่นหรือไม่ถ้าตัดสินใจเลือกทำอย่างใดอย่างหนึ่งแล้วต้องมีผลกระทบทำให้เสียคะแนนกับอีกฝ่ายหนึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ที่สำคัญเราต้องปัญหาจากข้อเท็จจริง และถ้าเราต้ดสินใจบนปัญหาข้อเท็จจริง ซึ่งการตัดสินใจย่อมมีปัญหากระทบแน่ ตนในฐานะเป็นรัฐบาลต้องมาดูแลว่าข้อห่วงใยคืออะไร ส่วนระยะเวลาที่จะแก้ปัญหานั้นเราต้องขอดูข้อมูลที่แท้จริงก่อนจึงจะสามารถให้รายละเอียดได้ และตนยินดีที่จะเป็นคนกลางในการแก้ปัญหาความขัดแย้งระหว่างชาวบ้านกับเอ็นจีโอได้ เพราะทุกอย่างต้องหารือกันบนความเข้าใจ เราเองต้องการแก้ปัญหาระบบน้ำแต่เราก็กลัวมลภาวะในพื้นที่นั้นด้วย เมื่อถามว่า แก่งเสือเต้นจะเป็นวาระเร่งด่วนหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ถือว่าเป็นวาระสำคัญที่เราให้การพิจารณาแต่ต้องอยู่ที่ความเหมาะสมและความลงตัวในการที่จะพิจารณา
