xs
xsm
sm
md
lg

“ช่องสะงำ” คึกคักต่อเนื่อง ชาวกัมพูชามั่นใจ รบ.“เผาไทย” ไม่รบเขมร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ตลาดช่องสะงำ ชายแดนไทย–กัมพูชา ต.ไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ คึกคักต่อเนื่อง พ่อค้าแม่ค้าชาวกัมพูชาจำนวนมากนำผลิตผลการเกษตรของป่าเข้ามาขาย และซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคกลับเข้าในประเทศกัมพูชากันวันนี้ (31 ก.ค.)
ศรีสะเกษ- ชาวกัมพูชามั่นใจรัฐบาลใหม่ “เผาไทย” ไม่รบเขมร แห่ซื้อขายสินค้าตลาด “ช่องสะงำ” อ.ภูสิงห์ คึกคักต่อเนื่อง ผู้ว่าฯ ศรีสะเกษ เผย มูลค่าการค้าและการท่องเที่ยวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน จ.ศรีสะเกษ เพิ่มมากขึ้น

วันนี้ (31 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่จุดผ่านแดนถาวรไทย-กัมพูชา ช่องสะงำ ต.ไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ ทันทีที่เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองเปิดด่าน บรรดาพ่อค้าแม่ค้าและประชาชนชาวกัมพูชาจำนวนมากนำผลิตผลทางการเกษตรและของป่าบรรทุกบนรถเข็น 2 ล้อและรถจักรยาน รวมทั้งรถยนต์เข้ามาขายและหาซื้ออาหาร เครื่องอุปโภคบริโภคต่างๆ เพื่อนำกลับเข้าในประเทศกัมพูชา ทำให้บรรยากาศการค้าขาย และการท่องเที่ยวที่บริเวณตลาดช่องสะงำ ฝั่งไทยคึกคัก และบรรดาพ่อค้าแม่ค้าชาวไทยสามารถขายสินค้าได้เป็นจำนวนมาก

นายหัตถชัย เพ็งแจ่ม ประธานชมรมผู้ประกอบการค้าการท่องเที่ยวช่องสะงำ กล่าวว่า ชาวกัมพูชาเฝ้าติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวของประเทศไทยผ่านทางสื่อมวลชนต่างๆ อย่างใกล้ชิด และทราบดีว่า ขณะนี้ไทยกำลังเร่งดำเนินการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ของพรรคเพื่อไทย (พท.) ทำให้ชาวกัมพูชามั่นใจในความปลอดภัย และเชื่อว่า จะไม่มีเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างทหารกัมพูชากับทหารไทยเกิดขึ้นอีก จึงได้พากันเข้ามาค้าขายซื้อสินค้าและท่องเที่ยวในฝั่งไทยกันมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งส่งผลดีต่อการค้าและการท่องเที่ยวของทั้ง 2 ประเทศ

นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า ขณะนี้การค้าและการท่องเที่ยวบริเวณจุดผ่านแดนถาวรไทย-กัมพูชา ช่องสะงำค่อนข้างจะคึกคัก และมีแนวโน้มดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะสินค้าของไทยที่นำมาขายที่บริเวณชายแดนช่องสะงำเป็นสินค้าสดใหม่และช่องสะงำตั้งอยู่ใกล้กับพื้นที่หลายอำเภอ และหลายจังหวัดของประเทศกัมพูชา ทำให้มีประชาชนชาวกัมพูชาเข้ามาหาซื้อสินค้ากันจำนวนมาก

อีกทั้งขณะนี้ มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวกัมพูชาและชาวไทยพากันเข้ามาท่องเที่ยวที่ช่องสะงำมากขึ้น ส่งผลให้มูลค่าการค้าและการท่องเที่ยวตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน จ.ศรีสะเกษ เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นประโยชน์กับประชาชนทั้ง 2 ประเทศ


กำลังโหลดความคิดเห็น