xs
xsm
sm
md
lg

เร่งป้องกันหินย้อยโบราณในถ้ำ อช.เวียงโกศัย พบถูกลอบตัดขายเพียบ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - หลายหน่วยงานเร่งหาทางป้องกันหินย้อยภายในถ้ำโบราณอายุหลายร้อยปีในอุทยานแห่งชาติเวียงโกศัย แม่แม่ทะ-ลำปาง พร้อมหาช่องทางพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวดึงเงินเข้าท้องถิ่น หลังถูกลักลอบตัดไปขายเพียบ สนองความเชื่อเรื่องเครื่องรางของขลัง

รายงานข่าวจากจังหวัดลำปาง แจ้งว่า นายเปลี่ยน ทาจี กำนันตำบลสันดอนแก้ว อำเภอแม่ทะ จังหวัดลำปาง ได้นำนายสุรพันธุ ตรีมงคล นายอำเภอแม่ทะ พร้อมคณะ เข้าสำรวจถ้ำแจ้ง ถ้ำแอบ ในเขตอุทยานแห่งชาติเวียงโกศัย ติดกับบ้านสันป่าเป่า หมู่ที่ 5 ตำบลสันดอนแก้ว อำเภอแม่ทะ จังหวัดลำปาง หลังจากที่เทศบาลศิริราชได้จัดงบประมาณเข้าไปปรับปรุงเพื่อเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ของอำเภอแม่ทะ

แต่พบว่าถ้ำในบริเวณดังกล่าวซึ่งมีทั้งหมด 13 แห่งด้วยกันถูกบุกรุกและความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของชาวบ้าน โดยในถ้ำพบว่ามีการตัดหินย้อย แล้วนำออกไปจากพื้นที่หลายถ้ำเลยทีเดียว ซึ่งหินย้อยที่ถูกตัดไปน่าจะมีอายุหลายร้อยปี และคาดว่าน่าจะมีความสวยงามมาก

นอกจากนี้ ชาวบ้านยังเล่าว่าตามความเชื่อว่าหินย้อยสามารถนำไปแกะเป็นเครื่องรางของขลังได้ซึ่งก็น่าจะเป็นสาเหตุที่ถูกลักลอบตัดไป

นายศักดิ์วิทยา ใบจันทร์ นายกเทศบาลศิริราช กล่าวว่า การลักลอบตัดหินย้อยในถ้ำดังกล่าว คงเป็นความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของชาวบ้านและเป็นความเชื่อที่ผิดๆที่จะนำหินย้อยไปเป็นเครื่องรางของขลัง ซึ่งขณะนี้ทางเทศบาลฯ ได้แก้ปัญหาด้วยจ้างคนในพื้นที่เข้ามามีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ทรัพยากรในท้องถิ่น โดยจัดเวรยามเฝ้าบริเวณดังกล่าวไว้แล้ว เพราะพบว่านอกจากจะมีการลักลอบตัดหินย้อยแล้ว ต้นจันผาก็ถูกลักลอบออกไปนอกพื้นที่อีกด้วย

พร้อมกันนั้นเทศบาลศิริราชยังได้จัดงบประมาณกว่า 2 แสนบาท เพื่อเป็นการปรับปรุงถนน ห้องน้ำและนำต้นไม้เข้าไปปลูก เพิ่มความร่มรื่น เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามาเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ เดิมชาวบ้านตำบลสันดอนแก้ว มีรายได้หลักคือทำเกษตรกรรม คือปลูกอ้อย ถั่วลิสง ยาสูบ มันสำปะหลัง และพืชเศรษฐกิจตัวใหม่คือเริ่มมีการทดลองปลูกยางพารา

ดังนั้น ทางเทศบาลฯ จึงมีโครงการปรับปรุงถ้ำทั้ง 13 แห่งให้เป็นที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ของอำเภอแม่ทะ เพราะที่นี่มีอีก 1 ถ้ำซึ่งชาวบ้านเล่าว่ามีเครื่องภาชนะข้าวของเครื่องใช้ของทหารญี่ปุ่นสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 หลงเหลืออยู่ภายในถ้ำอีกด้วย น่าจะนำมาเป็นตัวชูโรงที่จะชักนำนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวชมความสวยงามของถ้ำทั้ง 13 แห่งแล้วยังเป็นการย้อนอดีตในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ว่าเคยมีทหารญี่ปุ่นเข้ามาในพื้นที่ดังกล่าวอีกด้วย

ด้าน นายสุรพันธุ ตรีมงคล นอภ.แม่ทะ กล่าวหลังเข้าสำรวจถ้ำว่า รู้สึกเสียดายที่หินย้อยภายในถ้ำที่มีอายุหลายร้อยปีถูกลักลอบตัดไปแต่ก็คิดว่าคงมีความเป็นไปได้ที่เทศบาลร่วมกับชาวบ้านจะร่วมกันพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติที่นี่ ซึ่งมีความสวยงามตามธรรมชาติอยู่แล้ว เพียงแต่ต้องปรับปรุงแก้ไขเพียงเล็กน้อยก็คงจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ของอำเภอแม่ทะและจังหวัดลำปางได้ในอนาคต



กำลังโหลดความคิดเห็น