ชาวบ้าน ขุดบ่อกุ้งพบพระพุทธรูปโบราณเนื้อนาคสัมฤทธิ์ ข่าวแผ่แห่กราบไหว้

ระยอง - ชาวบ้านขุดบ่อกุ้ง พบพระพุทธรูปโบราณ เนื้อนาคสัมฤทธิ์ ถูกตัดเศียร แขนทั้ง 2 ข้าง และเท้าทั้ง 2 ข้าง ความสูงประมาณ 1 เมตร มีคราบโคลนติดอยู่ตามบริเวณตามองค์ ชาวบ้านที่ทราบข่าวมากราบไหว้ ไม่ขาดสาย

เย็นวันนี้( 22 กรกฎาคม2554 ) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งพบพระพุทธรูปสมัยโบราณ ที่วัดห้วงหิน (ราษฎร์เจริญผล) ม.3 ต.บ้านนา อ.แกลง จ.ระยอง จึงได้รุดไปตรวจสอบพร้อมด้วย นายบัญญัติ เศียรเขียว ปลัดฝ่ายความมั่นคงอำเภอแกลง นายอมร ศึกษา ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 เมื่อไปถึงที่วัด พบชาวบ้านแห่กันมากราบไหว้พระพุทธรูปดังกล่าว จึงได้เข้าตรวจสอบพบว่าพระพุทธรูป เป็นพระพุทธรูปเนื้อนาคสัมฤทธิ์ ถูกตัดเศียร แขนทั้ง 2 ข้าง และเท้าทั้ง 2 ข้าง ความสูงประมาณ 1 เมตร และมีคราบโคลนติดอยู่ตามบริเวณตามองค์พระ ด้านหลังหัวไหล่ซ้ายถูกกัดกร่อนจนชำรุด เป็นโพรงมองเห็นด้านใน พระครูคีรีธรรมสุนทร เจ้าอาวาสวัดห้วงหินฯ ได้นิมนต์อัญเชิญตั้งไว้ที่วัด ให้ชาวบ้านที่ทราบข่าวมากราบไหว้ โดยมีชาวบ้านที่ทราบข่าวแห่กันมากราบไหว้ขอพรกันอย่างไม่ขาดสาย

พระครูคีรีธรรมสุนทรา กล่าวว่า เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 21 กรกฎาคมที่ผ่านมา ได้มีลูกศิษย์ชื่อนายทัศนชัย จันหอม อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 75/4 ม. 4 ต.เนินฆ้อ อ.แกลง จ.ระยอง ซึ่งเป็นผู้รับเหมาขุดบ่อกุ้ง และได้ทำการรับจ้างขุดบ่อกุ้งแถวบริเวณคลองน้ำแดง ต.กร่ำ อ.แกลง ขณะขุดบ่อกุ้งลึกประมาณ 3 เมตร พบองค์พระสมัยโบราณ อายุไม่ต่ำกว่า 100 ปี คาดว่าพระพุทธรูปองค์นี้จะอยู่ในสมัยที่พระเจ้าตากสินได้ยกทัพมาทำศึกทางภาคตะวันออก เพราะเป็นเส้นทางที่พระเจ้าตากสินยกทัพผ่านไปจังหวัดจันทบุรี

ซึ่งได้มีโจรใจบาปได้ขโมยตัดเศียร แขน และเท้าขององค์พระ แล้วนำมาทิ้งไว้ ซึ่งขณะนี้ยังไม่ทราบว่าองค์พระเป็นปรางค์อะไร และอยู่ในยุคไหน ต้องให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้ามาทำการพิสูจน์ ทราบเพียงว่าเป็นพระปรางค์ยืน ซึ่งขณะนี้ได้เก็บรักษาไว้ที่วัดก่อน และให้อยู่ในสภาพคงเดิมและจะปรึกษาคณะกรรมการวัดเพื่อให้หล่อเศียรพระ กับส่วนที่ชำรุดไปขึ้นมาใหม่ และจะทำพิธีขอขมาแก่องค์พระก่อนจะนำเก็บบูชาไว้ในโบสถ์ เพื่อให้ประชาชนได้เข้ามาสักการบูชา ส่วนพระพุทธรูปองค์นี้หากมีผู้ใดแสดงความเป็นเจ้าของ ให้สามารถนำหลักฐานมายื่นขอพระพุทธรูปนั้นกลับไปบูชาได้

นายบัญญัติ กล่าวว่า ได้แจ้งกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อที่จะประสานงานกับกรมศิลปากรเพื่อทำการพิสูจน์ทราบ เพราะขณะนี้ไม่ทราบว่าองค์พระนั้นเป็นพระพุทธรูปใน พ.ศ.เท่าไร ปรางค์อะไร หรืออยู่ในยุคไหน และหากพื้นที่ไหนสงสัยว่าจะเป็นพระพุทธจากวัดใดก็ให้มาติดต่อกับทางพระคีรีธรรมสุนทรได้ที่วัดห้วงหิน เพื่อจะขอคืนนำกลับไปบูรณะและบูชา ทางเจ้าอาวาสก็ยินดีคืนให้หากมีหลักฐานครบถ้วน