ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - “หลินปิง” ส่อแววอดมีน้อง หลังสวนสัตว์เชียงใหม่อัลตราซาวนด์ “หลินฮุ่ย” รอบที่ 5 ไม่เจอตัวอ่อนเหมือนเดิม สัตวแพทย์ ชี้ ฮอร์โมนลดต่ำสุดแล้ว มีแนวโน้มจะท้องเทียม เผย ยกเลิกทำอัลตราซาวนด์แล้ว เหลือแค่ตามดูพฤติกรรมต่อ คาดใน 3-5 วัน ถ้าไม่มีอาการผิดปกติท้องเทียมแน่นอน เผยฟันธงยาก ท้อง-ไม่ท้อง เพราะดูลำบาก-รายละเอียดเยอะ พร้อมบอกแม้มีลุ้น กรณีไม่เห็นตัวอ่อนหลบมุม-ลูกแพนด้าอาจคลอดออกมาแต่อย่าหวังมาก
วันนี้ (14 ก.ค.) สวนสัตว์เชียงใหม่ได้จัดการแถลงข่าวกรณีการตรวจอัลตราซาวนด์ให้กับหลินฮุ่ยขึ้น โดยมี นายประเสริฐศักดิ์ บุญตระกูลพูนทวี หัวหน้าโครงการวิจัยและจัดแสดงแพนด้าในประเทศไทย สัตวแพทย์หญิง กรรณิการ์ นิ่มตระกูล และนายสัตวแพทย์ ดร.บริพัตร ศิริอรุณรัตน์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักอนุรักษ์ วิจัย และการศึกษา องค์การสวนสัตว์ ร่วมในการแถลงข่าว
การแถลงข่าวในครั้งนี้ มีขึ้นหลังจากที่คณะสัตวแพทย์ได้ทำการอัลตราซาวนด์ให้กับหลินฮุ่ยในช่วงเช้าวันนี้ ซึ่งถือเป็นการทำอัลตราซาวด์ครั้งที่ 5 เพื่อติดตามดูความคืบหน้าการตั้งครรภ์ของหลินฮุ่ย หลังจากที่ได้รับการผสมเทียมไปเมื่อวันที่ 24 และ 25 เม.ย.ที่ผ่านมา
นายสัตวแพทย์ ดร.บริพัตร ศิริอรุณรัตน์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักอนุรักษ์ วิจัย และการศึกษา องค์การสวนสัตว์ กล่าวถึงผลการทำอัลตราซาวนด์ในวันนี้ ว่า ยังคงไม่พบตัวอ่อนแต่อย่างใด โดยพบเพียงการขยายตัวของโพรงมดลูก เช่นเดียวกับการทำอัลตราซาวด์ 4 ครั้งที่ผ่านมา ขณะที่ปริมาณฮอร์โมนโปรเจสเตอร์โรนของหลินฮุ่ยนั้นลดต่ำลงอย่างต่อเนื่อง จนอยู่ที่ระดับ 20 นาโนกรัม
ทั้งนี้ จากการประมวลผลและสรุปของทีมงาน ร่วมกับการหารือและขอความเห็นจากผู้เชี่ยวชายจากประเทศจีน ลงความเห็นว่า แม้จะยังไม่สามารถตอบได้อย่างชัดเจน แต่มีแนวโน้มที่หลินฮุ่ยนั้นจะตั้งท้องเทียม เนื่องจากพบว่าปริมาณฮอร์โมนได้ลดระดับลงถึงจุดต่ำสุดแล้ว แต่จากการอัลตราซาวนด์กลับไม่พบตัวอ่อนอยู่เลย อย่างไรก็ตาม แม้จะยังมีโอกาสที่หลินฮุ่ยจะให้กำเนิดลูกแพนด้า จากกรณีที่ตำแหน่งของตัวอ่อนอาจอยู่ในจุดที่การอัลตราซาวนด์ตรวจไม่พบ แต่ก็ถือว่ามีความเป็นไปได้น้อยมาก
นายสัตวแพทย์ ดร.บริพัตร กล่าวต่อไปว่า การจะระบุว่าแพนด้านั้นตั้งท้องจริงๆ หรือเป็นเพียงการท้องเทียมนั้น ตอบค่อนข้างยาก เนื่องจากทั้งสองกรณีแพนด้าจะมีความเปลี่ยนแปลงทางฮอร์โมนเช่นเดียวกัน
ขณะที่หากมีตัวอ่อนของแพนด้า ตามธรรมชาติตัวอ่อนจะลอยตัวอยู่ในมดลูก และไม่สามารถระบุได้ว่าจะมีการฝังตัวหรือไม่ หรือว่าฝังตัวเมื่อใด ทำให้ไม่สามาถระบุชัดเจนได้ว่า แพนด้ามีการตั้งท้องตั้งแต่เมื่อใด ต้องอาศัยการพิจารณาปัจจัยอื่นๆ เช่น การเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมประกอบ ซึ่งจากการทำอัลตราซาวนด์หลายครั้งที่ผ่านมา ยังไม่พบสิ่งที่น่าจะเป็นตัวอ่อน จึงมีแนวโน้มที่หลินฮุ่ยอาจจะตั้งท้องเทียมเหมือนเมื่อปี 2550
ด้าน นายประเสริฐศักดิ์ บุญตระกูลพูนทวี หัวหน้าโครงการวิจัยและจัดแสดงแพนด้าในประเทศไทย กล่าวว่า จากนี้ไปทางทีมงานสัวแพทย์จะไม่มีการทำอัลตราซาวนด์ให้กับหลินฮุ่ยอีกแล้ว จากที่เคยกำหนดไว้ว่าจะทำการอัลตราซาวนด์ทุกวันอังคาร และวันศุกร์ หรือหากพบว่าหลินฮุ่ยมีพฤติกรรมที่เข้าข่ายว่าจะตั้งท้องเกิดขึ้น
ต่อจากนี้ ทางทีมงานจะติดตามเฝ้าดูพฤติกรรมของหลินฮุ่ยไปตลอด 24 ชั่วโมง โดยจะจับตาดูต่อไปอีกประมาณ 2-5 วัน เพื่อดูว่ามีการเปลี่ยนแปลงทางพฤติกรรมที่เข้าข่ายการพร้อมให้กำเนิดลูกหรือไม่ หากไม่พบพฤติกรรมใดๆ ก็น่าจะเป็นที่แน่นอนว่า การท้องของหลินฮุ่ยครั้งนี้เป็นการท้องเทียม และจะมีการประกาศให้สื่อมวลชนทราบอย่างเป็นทางการอีกครั้งต่อไป
