บุรีรัมย์ - สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ลงพื้นที่สำรวจ “หนองบัวกุดน้ำใส” ต.สะแก จ.บุรีรัมย์ ที่มีสภาพตื้นเขิน เพื่อรวบรวมข้อมูลนำขึ้นทูลเกล้าถวายในหลวง ให้ทรงพระบรมราชวินิจฉัยว่าจะรับเข้าโครงการพระราชดำริ เพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วมฝนแล้งซ้ำซาก หลังนายกและชาวบ้านถวายฎีกาขอความช่วยเหลือ
วันนี้ (10 ก.ค.) สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (กปร.) พร้อมด้วยตัวแทนสำนักชลประทานที่ 8 จ.นครราชสีมา ตัวแทนโครงการชลประทาน จังหวัดบุรีรัมย์ นายก อบต.สะแก และผู้นำชุมชนทั้ง 13 หมู่บ้าน ในต.สะแก อ.สตึก ลงพื้นที่สำรวจแหล่งน้ำ “หนองบัวกุดน้ำใส” ซึ่งเป็นแหล่งน้ำสาธารณะขนาดใหญ่ใน ต.สะแก แต่มีสภาพตื้นเขินไม่สามารถกักเก็บน้ำได้ หลังจากที่นายจตุพร จารุสิทธิกุล นายก อบต.สะแก พร้อมชาวบ้าน ได้ยื่นเรื่องถวายฎีกาไปยังสำนักราชเลขา เพื่อของบในโครงการพระราชดำริ มาทำการขุดลอกแหล่งน้ำดังกล่าว แก้ไขปัญหาน้ำท่วมฝนแล้งซ้ำซากให้กับชาวบ้านและเกษตรกร
หลังที่ผ่านมา หน้าฝนประสบปัญหาน้ำท่วมไร่นาและพืชสวนเสียหาย หน้าแล้งไม่มีน้ำปลูกพืชเป็นอาชีพเสริม ทำให้ประสบปัญหาความยากจน แต่เนื่องจากทางองค์การบริหารส่วนตำบลไม่มีงบประมาณในการขุดลอก เพื่อกักเก็บน้ำให้ชาวบ้านและเกษตรกรได้ใช้ประโยชน์ จึงได้ยื่นเรื่องถวายฎีกา และหากได้รับพระราชทานโครงการ “แก้มลิงหนองกุดน้ำใส-หนองบัว-หนองยาว” เนื้อที่กว่า 100 ไร่ ชาวบ้านในตำบลสะแกทั้ง 13 หมู่บ้าน 1,707 ครัวเรือนกว่า 7,000 คน ก็จะได้ประโยชน์มีน้ำในการทำการเกษตร และปลูกพืชเป็นอาชีพเสริมได้ตลอดทั้งปี ซึ่งจะทำให้ชาวบ้านมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
นายปริญญวัฒน์ วัชรอาภาภร นักวิเคราะห์นโยบายและแผน ชำนาญพิเศษ สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ กล่าวว่า หลังสำรวจจะได้ให้ทางสำนักชลประทาน 8 จ.นครราชสีมา มาสำรวจแล้วส่งเสริมให้ กปร.ได้พิจารณา แล้วนำขึ้นทูลเกล้าถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้ทรงพระบรมราชวินิจฉัยว่าจะรับเข้าโครงการพระราชดำริฯหรือไม่ต่อไป
ด้าน นายจตุพร จารุสิทธิกุล นายก อบต.สะแก กล่าวว่า หากได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงรับโครงการขุดลอกหนองบัวกุดน้ำใส เข้าในโครงพระราชดำริฯก็นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณแก่พสกนิกรชาว ต.สะแก เป็นอย่างยิ่ง และหากโครงการขุดลอกดังกล่าวแล้วเสร็จก็จะเป็นประโยชน์แก่ชาวบ้าน และเกษตรกร ที่จะได้มีน้ำในการทำการเกษตร เพราะชาวบ้านในต.สะแกส่วนใหญ่กว่า 80 เปอร์เซ็นต์ มีอาชีพทำนา แต่ที่ผ่านมาจะประสบปัญหาไม่มีแหล่งน้ำสำหรับกักเก็บน้ำ ทำให้ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำต้นข้าวขาดน้ำแห้งตายเสียหายเป็นประจำทุกปี ขณะที่บางปีก็ประสบปัญหาน้ำน้ำท่วม เพราะแหล่งน้ำสาธารณะหนองบัวกุดน้ำใสมีสภาพตื้นเขิน
จากกรณีดังกล่าวจึงได้ทำเรื่องถวายฏีกาไปยังสำนักราชวัง เพื่อขอรับความช่วยเหลือดังกล่าว หากเชื่อว่าหากโครงการขุดลอกแล้วเสร็จ ชาวบ้านและเกษตรกรในต.สะแก ก็จะสามารถทำนา และปลูกพืชผักเป็นอาชีพเสริมได้ตลอดทั้งปี ซึ่งจะทำให้ชาวบ้านมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
