xs
xsm
sm
md
lg

ผลพิสูจน์แล้ววัตถุติดไฟในน้ำโขงที่แท้เป็นฟอสฟอรัสขาว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผลพิสูจน์วัตถุประหลาดที่ติดไฟได้เองนั้น แท้จริงคือฟอสฟอรัสขาว
หนองคาย -ผลแล็บจากมหาวิทยาลัยขอนแก่น ส่งถึงอุตสาหกรรมจังหวัดหนองคาย ระบุ วัตถุติดไฟที่พบในแม่น้ำโขงเป็นฟอสฟอรัสขาว มีอันตรายแต่ไม่รู้อยู่ในน้ำโขงได้อย่างไร พร้อมเตือนประชาชนหากพบอีกควรรีบเผาทิ้งและห้ามสูดดมเด็ดขาด

จากกรณีที่มีคนงานท่าทรายวีณาทรายทอง บ้านหาดสีทอง ต.บ้านเดื่อ อ.เมืองหนองคาย พบวัตถุประหลาดติดไฟได้เองปะปนอยู่ในกองหินกรวดที่ตักขึ้นจากแม่น้ำโขง เมื่อกลางเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา จนสร้างความอัศจรรย์ให้กับชาวบ้านที่พบเห็น โดยหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องได้เก็บตัวอย่างวัตถุดังกล่าวไปตรวจพิสูจน์ในห้องปฏิบัติการ

ระหว่างที่ยังไม่มีความชัดเจนชาวบ้านก็พากันมาดูและทดลองวัตถุติดไฟให้เห็นกับตาตนเอง จากเดิมที่วัตถุชิ้นนี้ เมื่อครั้งแรกมีขนาดเป็นก้อนใหญ่ประมาณ 12 นิ้ว ขณะนี้วัตถุชิ้นดังกล่าวได้หมดลงแล้ว

นายวศิน ศุภพิสุทธิ์ หัวหน้าฝ่ายโรงงานอุตสาหกรรม สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดหนองคาย ได้แจ้งว่า หลังจากที่ส่งตัวอย่างวัตถุติดไฟได้เอง ไปตรวจพิสูจน์ที่ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น และผู้ช่วยศาสตราจารย์ลิขิต อมาตยคง รองอธิการบดีฝ่ายพัฒนานักศึกษาและศิษย์เก่าสัมพันธ์ รักษาราชการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้ส่งผลการตรวจพิสูจน์กลับมาแล้ว

ผลทราบว่า วัตถุดังกล่าวนี้เป็นชิ้นส่วนของฟอสฟอรัสขาว เนื่องจากมีสมบัติทางกายและทางเคมีใกล้เคียงกับปรากฏการณ์ที่พบ คือ ให้ควันสีขาวเมื่อชื้นหรือแช่อยู่ในน้ำ เมื่อนำออกมาวางในอากาศจะปรากฏควันสีขาวอยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งแห้งจึงติดไฟเองและลุกไหม้อย่างรวดเร็ว เหลือแต่ของแข็งสีน้ำตาลแดงเล็กน้อย

นอกจากนี้ ยังมีของแข็งสีขาวคล้ายกับมีสิ่งเจือปนอยู่ด้วย ตรงกับสมบัติของธาตุฟอสฟอรัสขาวหรือเหลือง ซึ่งปกติแล้วฟอสฟอรัสขาวนิยมใช้เป็นวัตถุไวไฟ หรือผสมหัวจรวจของอาวุธสงครามดังนั้นวัตถุชนิดนี้จัดอยู่ในกลุ่มสารเคมีอันตราย ให้ควันที่เป็นอันตรายต่อมนุษย์และก่อให้เกิดอัคคีภัยได้ง่าย

นายวศิน กล่าวอีกว่า กรณีเช่นนี้ไม่น่าจะเกี่ยวกับชิ้นส่วนของบั้งไฟที่จุดในช่วงเทศกาลงานประเพณี เพราะใช้สารประกอบคนละชนิด และยิ่งไม่เกี่ยวข้องกับบั้งไฟพญานาค เนื่องจากลักษณะฟอสฟอรัสขาวเป็นสารที่หนักกว่าน้ำ ไม่ลอยน้ำเหมือนกับบั้งไฟพญานาคและการลุกไหม้จะลุกไหม้ในที่ที่ไม่มีน้ำชื้นเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ยังไม่สามารถระบุได้ว่า เหตุใดวัตถุอันตรายชนิดนี้จึงพบในแม่น้ำโขงของจังหวัดหนองคาย แต่หากมีผู้พบเห็นวัตถุลักษณะเช่นนี้ ควรทำลายด้วยการเผาไฟในที่โล่งแจ้งด้วยความระมัดระวังให้เร็วที่สุด และไม่ควรสูดดมควันเข้าไปในร่างกาย

กำลังโหลดความคิดเห็น