บุรีรัมย์ - ชาวบ้านชายแดนบุรีรัมย์เดือดร้อนหนักไม่มีน้ำประปาใช้มานานกว่า 2 เดือน หลังถังส่งประปาหมู่บ้านถูกทหารเขมรยิง BM-21 ถล่มเป็นรูพรุนเสียหาย หวั่นอันตรายถังน้ำประปาทรุดตัวพังถล่มลงมา วอนภาครัฐเร่งหางบซ่อมแซมแก้ไขด่วน
วันนี้ (1 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้านบ้านโคกกะชายใต้ หมู่ 13 ต.สายตะกู อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ จำนวน 136 หลังคาเรือน 675 คน ประสบปัญหาเดือดร้อนอย่างหนัก เนื่องจากไม่มีน้ำประปาใช้มานานกว่า 2 เดือน หลังถังส่งน้ำประปากลางหมู่บ้านถูกสะเก็ดลูกจรวด BM-21 ของฝ่ายกัมพูชายิงถล่มเข้าใส่ จากเหตุการณ์ปะทะกับทหารไทย เมื่อวันที่ 26 เม.ย.ที่ผ่านมาจนได้รับความเสียหาย โดยเฉพาะต้นเสาและคานบริเวณฐานรับน้ำหนักของถังส่งน้ำประปาดังกล่าว ได้ถูกสะเก็ดระเบิดลูกจรวดเป็นรอยพรุนแตกเสียหายหลายจุด
ทำให้ทางองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) สายตะกู ซึ่งดูแลรับผิดชอบระบบประปาดังกล่าว ไม่กล้าสูบน้ำขึ้นใส่ถังเพื่อผลิตน้ำส่งน้ำประปาให้บริการประชาชน เพราะเกรงถังน้ำจะรับน้ำหนักไม่ไหวและอาจเกิดทรุดตัวพังถล่มลงมาได้ พร้อมประกาศแจ้งเตือนไม่ให้ชาวบ้านเข้าไปใกล้บริเวณถังน้ำประปาดังกล่าว เพราะอาจได้รับอันตราย
จากความเดือดร้อนดังกล่าว ชาวบ้านจึงวิงวอนให้หน่วยงานภาครัฐเร่งเข้ามาดำเนินการซ่อมแซมแก้ไข เพื่อให้สามารถผลิตและส่งน้ำประปาได้ตามปกติโดยเร็ว เพราะขณะนี้ชาวบ้านต้องพากันนำรถเข็นไปตักน้ำ ยังบ่อน้ำซึ่งอยู่ห่างจากหมู่บ้านไปประมาณ 1 กิโลเมตร (กม.) เพื่อนำมาใช้อุปโภคบริโภค แก้ไขปัญหาขาดแคลนน้ำเฉพาะหน้ามานานกว่า 2 เดือนแล้ว
ด้าน นางช่วย หารเชี่ยว อายุ 64 ปี ชาวบ้านบ้านโคกกระชาย ซึ่งบ้านอยู่ติดกับถังน้ำส่งประปาดังกล่าว มากที่สุดบอกว่า ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ปะทะระหว่างทหารไทยกับฝ่ายกัมพูชา เมื่อปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา และมีลูกจรวดเข้ามาตกมาใส่หมู่บ้านทำให้บ้านเรือนประชาชนพังเสียหายหลายหลังแล้ว ถังน้ำประปากลางหมู่บ้านก็ถูกสะเก็ดระเบิดเสียหายด้วย ทำให้ชาวบ้านไม่มีน้ำประปาใช้มานานกว่า 2 เดือนแล้ว อีกทั้งเกรงว่าจะได้รับอันตรายหากถังน้ำขนาดใหญ่ทรุดพังลงมา จึงเรียกร้องให้ทางหน่วยงานภาครัฐได้เร่งเข้ามาซ่อมแซมแก้ไขถังประปาดังกล่าวอย่างเร่งด่วนด้วย
“ชาวบ้านยังหวาดผวากับเหตุการณ์ยิงปะทะกันและมีกระสุนปืนใหญ่ตกมาในหมู่บ้าน จึงไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีก อยากให้ทุกฝ่ายหาทางออกอย่างสันติวิธีไม่ใช้ความรุนแรง เพราะชาวบ้านตลอดแนวแนวชายแดนทั้งสองประเทศเป็นผู้ได้รับความเดือดร้อน” นางช่วยกล่าว
